Jcampa

ยินดีต้อนรับทุกท่าน เข้าเยี่ยมชม และออกความเห็น แบ่งปันประสบการณ์ร่วมกัน

You are cordially invited to join sharing your experience here.

เชิญร่วมแบ่งปันประสบการณ์ร่วมกันตรงนี้


ค้นหาบล็อกนี้

วันอาทิตย์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2551

วิพากษ์ Tenses คือหัวใจสำคัญของหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษจริงหรือ?


เขาว่า Tenses คือหัวใจสำคัญของหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษจริงหรือ?

เขาว่า Tenses เป็นหัวใจสำคัญของหลักไวยากรณ์ภาษาอังกฤษจริงไหม

ตรงนี้ เป็นคำโฆษณา หนังสือ เกี่ยวกับ Tenses เขาว่า

Tense ภาษาอังกฤษอย่างทะลุปรุโปร่ง เรียนรู้หัวใจสำคัญของหลักไวยากรณ์ ภาษาอังกฤษ
ประกอบด้วย หนังสือ +… ภาษาอังกฤษ Tense ไวยากรณ์ คำศัพท์ Tense ภาษาอังกฤษอย่างทะลุปรุโปร่ง เรียนรู้หัวใจสำคัญ ของหลักไวยากรณ์ ภาษาอังกฤษ

(ขอถือโอกาสโฆษณาให้ไปเลย สำหรับผู้ที่สนใจเกี่ยวกับเรื่อง Tenses) เพราะเขามี

เนื้อหาภายใน ดังนี้

• Introduce • แบบทดสอบก่อนเรียน
• ประเภทกริยา
• Present Simple Tense
• Present Continuous Tense
• Present Perfect Tense
• Present Perfect Continuous Tense
• สรุปเรื่อง Present Tense
• Past Simple Tense
• Past Continuous Tense
• Past Perfect Tense
• Past Perfect Continuous Tense
• สรุปเรื่อง Past Tense
• Future Simple Tense
• Future Continuous Tense
• Future Perfect Tense
• Future Perfect Continuous Tense
• สรุปเรื่อง Future Tense
• สรุปเรื่อง Tense ทั้งหมด
• เฉลยแบบฝึกหัดทุกบทเรียน

เข้าใจ Tense ภาษาอังกฤษอย่างทะลุปรุโปร่ง เรียนรู้หัวใจสำคัญ ของหลักไวยากรณ์ ภาษาอังกฤษ สื่อการสอนชุด “Tense” นี้ สามารถให้ความกระจ่างกับทุกข้อสงสัยในเรื่อง Tense ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการเรียนภาษาอังกฤษ ที่ท่านประสบปัญหามาเป็นเวลานาน โดยเนื้อหาเริ่มตั้งแต่พื้นฐานไปจนผู้เรียนสามารถนำหลักการต่างๆ ไปประยุกต์ใช้กับทักษะการฟัง, พูด, อ่าน และเขียนภาษาอังกฤษ ซึ่งจะช่วยให้ท่านสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษกับผู้อื่นได้อย่างชัดเจน รวมถึงการสอบเข้าในระดับชั้นต่างๆ


เห็นโฆษณาข้างต้นของ หนังสือเล่มนี้แล้ว อดที่จะวิพากย์ วิจารณ์ไม่ได้

เพราะเป็นโฆษณาที่ทำให้คนไทยเข้าใจผิดๆ หลงประเด็น ต่อให้คนที่เขียนหนังสือเล่มนี้ และอีกหลายเล่ม (ซึ่งมีเขียนออกมามากมายหลายเล่ม) อ่าน เขียน แปลภาษาอังกฤษมาตั้งแต่เกิด จนชีวิตไม่มีเหลืออยู่ในโลกนี้ ก็จะไม่มีโอกาสได้ใช้ Tenses ครบหมดทุก Tenses ซึ่งมีอยู่จริง

มีไม่กี่ Tenses เอง ที่เขาใช้กัน อย่างเช่น

Present Simple, Present Perfect, Past Simple, Past Perfect, Future Simple Tenses กับอีกไม่กี่ Tenses เอง อย่างที่ใช้เหตุการณ์สมมุติ หรือ Conditional ก็เท่านั้นเอง

แต่ถ้าจะ รับรู้หรือรับทราบเอาไว้ ก็ไม่ว่ากัน เอาไว้เป็นความรู้ประดับตัว หลังจากสอบเอาคะแนนกับอาจารย์ที่สอนไปแล้ว หลังจากนั้นแม้แต่อาจารย์ที่สอนก็ยังไม่มีปัญญาจะเอามาใช้งาน หรือใช้สื่อสารได้หมดเลย

หมายถึงไม่มีเหตุการณ์อะไรที่จะต้องพรรณนา อธิบายเป็นกรณีพิเศษ วิเศษวิโส เกินความเป็นจริงไปอย่างพิสดารตามที่ Tenses ทั้งหมด (12 Tenses) วางกฎเกณฑ์เอาไว้ทั้งหมดนั้นเลย

ดังนั้นตรงประเด็นที่ว่า Tenses เป็นหัวใจสำคัญของไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ จึงไม่ค่อยจะถูกต้องนัก และคนที่พูดอย่างนี้ มันฟ้องออกมาว่าผู้ที่พูดนั้น รู้ไม่จริง และไม่ค่อยได้ใช้ภาษาเลย หรือใช้มาน้อยมาก หรือจำมาสอนเด็กเท่านั้น แต่ไม่เคยใช้มันเลย หรือไม่ก็ไปจำเอาแต่คำพูดคนอื่นมาพูดโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้อะไรเลย ไม่ได้สัมผัสมาจริงเลย เลิกพูดข้อความตรงนี้ได้แล้ว เพราะมันจะทำให้เด็กๆเข้าใจผิด ไปมัวเอาเวลาไปทุ่มเทอยู่กับเรี่อง Tenses ทั้งที่เรื่องที่สำคัญมากกว่า Tenses ก็มีอีกเยอะแยะ ข้อความอย่างนี้แทบจะไม่มีใครกล้าพูดแบบฟันธงอย่างนี้ แต่เชื่อเถอะ นี่คือความจริง

แม้แต่ผู้ที่เขียนซึ่งกำลังวิจารณ์โฆษณาอันนี้อยู่ตอนนี้ ก็ใช้ภาษาอังกฤษมาค่อนชีวิต ทั้งอ่าน ทั้ง เขียน ทั้งแปลอังกฤษเป็นไทย และทั้งภาษาไทยเป็นอังกฤษมานมนานหลายปี ยังไม่มีโอกาสได้ใช้ Tenses ดังกล่าวครบเลย นอกจาก Tenses ตามตัวอย่างที่ยกมาให้ดูข้างต้นนั้น

ถึงคุณจะเรียนแน่นแค่ไหน แต่ก็มีการใช้ที่แตกต่างกันอยู่บ้าง ยกตัวอย่างง่ายๆว่า ใน Internet ถ้าเราใช้ Yahoo ส่ง อีเมล์ พอคุณส่งไปเรียบร้อยแล้ว Yahoo จะแจ้งด้วยข้อความว่า Message sent อะไรทำนองนั้น แต่ใน AOL กับ Gmail จะ ใช้ว่า Your message has been sent

แต่ถ้า ฟังข่าวภาคภาษาอังกฤษ หลังข่าว BBC หรือ ข่าวทั่วโลกจบลง คนอ่านข่าวเขาจะพูดว่า
That was World News หรือ That was BBC News อย่างนี้เป็นต้น

แต่ตรงนี้ก็ต้องไปศึกษาว่าข้อความทั้งสอง คือ Message sent หรือ Your message has been sent กับ That was World News หรือ That was BBC News เขามีการใช้ต่างกันอย่างไร ทั้งที่ทั้งสองอย่างนี้เป็นเหตุการณ์ที่เพิ่งจะจบสิ้นไปหยกๆ แบบเดียวกัน แต่เชื่อเหลือเกินว่าตำราภาษาอังกฤษในเมืองไทยในเรื่องอย่างนี้ หาอ่านได้ยากมาก

หรือแม้แต่การแปลบทคัดย่อของบรรดานักศึกษาทั้งหลาย ที่พวกเขาไปจ้างคนแปล ถ้าคุณไปแปลเป็น Present tense เขาจะแจ้งมาว่าอาจารย์ของเขาให้ทำเป็น Past tense ให้หมด ฟังดูก็ประหลาด อันไหนเป็นอดีต อันไหนเป็นความจริง อันไหนเป็นปกตินิสัย อันไหนเกิดขึ้นในอดีตแต่ยังมีผลถึงอดีต หรือเหตุการณ์ใหนเกิดขึ้นก่อนในอดีตและมีเหตุณ์การหลังได้เกิดขึ้นตาม จะมัวไปใช้แต่ Past tenses อย่างนั้นหรือ เขาจะไม่คำนึงถึงความถูกต้องเอาเสียเลย หรือว่าอาจารย์เขาไม่เข้าใจอะไรเกี่ยวกับ Tenses อย่างนั้นเหรอ

ดูเอาง่ายว่า ถ้าคุณอยู่ดี บอกว่า The world was round มันจะหมายความว่าอย่างไรแน่ แสดงว่าเมื่อก่อน โลกมันกลม และขณะเดียวกันข้อความตรงนี้มันจะบอกด้วยว่า ขณะนี้โลกไม่กลมแล้ว อย่างนั้นเหรอ ตรงนี้ มันเป็นความจริง เราจำเป็นต้องใช้ว่า The world is round แล้วจะมาให้ทำเป็น Past tense ได้อย่างไร สิ่งที่คุณได้ทำลงไป หรือมีการทดลองไปแล้วมัน ถ้าไม่เป็นอดีต หรือไม่เป็น Present perfect tense แล้วเราลำดับขั้นตอน หรือความเป็นมาของบทคัดย่อนั้นได้อย่างไร ทั้งนี้มันก็ขึ้นอยู่กับว่าการกระทำนั้นยังมีผลตามมาถึงปัจจุบันไหม หรือมีการเจาะจงเวลาไหม ถ้ามีก็ต้องใช้ Past tense หรือมีข้อความอื่น ที่เกี่ยวข้องประกอบอยู่ด้วยมันเจาะจง หรือบอกเวลาเอาไว้ไหม ก็ต้องทำเป็น Past tense อย่างนี้เป็นต้น จะมามัวบอกว่า ต้องเป็น Past Tenses อย่างไรได้ และถ้า

I have been to Korea twice. การกระทำที่เกิดขึ้นในเวลาใดเวลาหนึ่งที่ไม่ได้ระบุเอาไว้ในอดีต คือเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ในอดีต อย่างในตัวอย่างนี้ ก็ไม่มีเวลาเจาะจงเอาไว้ แต่บอกว่าเคยไปเกาหลีถึงสองครั้งสองครา แต่ถ้า

Last month I went to Dubai for my holidays ตรงนี้มีเวลาบอกเอาไว้ คือ Last month เมื่อเดือนที่แล้วผมไปเที่ยวดูไบในวันหยุดของผม อะไรทำนองนี้เป็นต้น

ตรงนี้นำมากล่าว เพื่อให้ย้อนไปอ่านดูการใช้ Tenses อีกครั้ง ไม่ใช่จะให้เป็น Past tense ตลอดอย่างที่นักศึกษาเขาบอกมา

ขณะเดียวกัน ในข้อความเดียวกัน เหตุการณ์ เดียวกัน อเมริกันใช้ Past tense แต่ Australian ใช้ Present Perfect ก็มี

หรือในเอกสารทางการ หรือในสัญญาต่างๆ ลงวันที่เจาะจงเวลาเอาไว้อย่างดี ตามที่เราเรียนจากห้องเรียนให้ใช้ Past tense แต่เขาใช้ Present Tense เช่น

This document is issued on 1 January 2003 : เอกสารฉบับนี้ออกให้เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2546
This agreement is made on 1 January 2003 : สัญญาฉบับนี้ทำขึ้นในวันที่ 1 มกราคม 2546 เป็นต้น
หรือ

ถ้าคุณรับจดหมาย หากคุณตอบเขาไปว่า คุณได้รับจดหมายของเขา คือ

I received your letter. กับ I have received your letter.

คุณตอบได้ทั้งสองแบบ แต่ความหมายต่างกัน

อันแรกจะบอกว่า รับแล้ว แต่จะสำคัญ หรือมีความสำคัญผูกพันธ์กับคุณ หรือกับจดหมายฉบับนั้นอย่างไร คือสักแต่รับ เออ รับแล้ว อ่านแล้ว อะไรก็ช่างหัวมันอะไรทำนองนั้น

ส่วนอันหลังนั้นมันยังมีอะไรผูกพันธ์กับสิ่งที่เขียนเอาไว้ในจดหมายนั้น หรือมีผลต่อเนื่องมาถึงปัจจุบันอยู่ เช่น ถ้าสั่งซื้อสินค้าก็แสดงว่า แน่นอนเขาจะจัดการส่งให้เรา หรือจัดหาให้เราอยู่ อะไรทำนองนั้น หรือคนรับจดหมายรับปากอย่างไรกับเรา ก็แน่นอนว่าเขายังไม่ลืมในคำรับปากนั้น อย่างนี้เป็นต้น

อนึ่ง ก่อนจะจบข้อความนี้ ขอย้อนกลับไปที่ Message sent ของ Yahoo ตรงนี้อีกครั้ง ถ้าไปทำความเข้าใจในเรื่อง Participle ตรงที่ว่า Message sent สามารถเป็นได้ ทั้ง

Message is sent, message was sent, message has been sent

ตรงนี้ลองไปหาอ่านเกี่ยวกับเรื่องนี้ดู

ขอทิ้งท้ายเอาไว้เป็นประเด็นจะได้รู้จักไปค้นคว้า ความรู้จะได้แน่นขึ้น หรืออย่างน้อยจะได้เทียบกับที่อ่านมานี้ว่าจริงหรือไม่ และไม่แน่ใจว่า ข้อยกเว้นตามที่กล่าวมาข้างต้นนั้น ในหนังสือเล่มดังกล่าวจะมีพูดถึงไหม ถ้ามีก็นับว่าดีมากๆเลย

และก็ขอขอบคุณที่อุตส่าห์ พยายามทำเป็นเล่มเอาไว้ หากมีผู้สนใจ หรือติดขัดเกี่ยวกับเรื่องนี้จะได้หาอ่านได้ แต่ขอทักท้วง ข้อความที่ว่าเป็นหัวใจสำคัญดังกล่าว เพราะผู้เขียนที่กำลังวิจารณ์หนังสือเล่มดังกล่าวอยู่นี้ ก็ได้ยินคำพูดทำนองนี้มาหลายครั้งแล้ว แม้แต่ตามโรงเรียนสอนภาษา ก็ประโคมข้อความตรงนี้ หลายแห่ง แต่ผิดถนัด ถ้าเคยสัมผัสกับภาษาอังกฤษมาจริง ขอยืนยันเอาไว้ตรงนี้


Jcampa-เจแคมป้า

(28 December 2008)
[สงวนลิขสิทธิ์ห้ามลอกแบบ เลียนแบบหรือนำไปดัดแปลงใช้ในสื่อรูปแบบใดๆ ยกเว้นจะได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษร]