Jcampa

ยินดีต้อนรับทุกท่าน เข้าเยี่ยมชม และออกความเห็น แบ่งปันประสบการณ์ร่วมกัน

You are cordially invited to join sharing your experience here.

เชิญร่วมแบ่งปันประสบการณ์ร่วมกันตรงนี้


ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2554

Preface of The Dictionary of Names, Positions, Occupations and...
















<= คลิ๊กตรงภาพ 2 ครั้ง (Double-click) เพื่อขยายภาพให้โตขึ้น




บทความตรงนี้เป็น คำนำของ Dictionary of Names, Positions, Occupations in English, and Common Phrases : หนังสือประมวลคำศัพท์ที่หายากเกี่ยวกับ ชื่อ ตำแหน่ง อาชีพในภาษาอังกฤษ และวลีที่ใช้งานกันทั่วไป มีเนื้อหาดังนี้ :-


บทความตรงนี้เป็น คำนำของ Dictionary of Names, Positions, Occupations in English, and Common Phrases : หนังสือประมวลคำศัพท์ที่หายากเกี่ยวกับ ชื่อ ตำแหน่ง อาชีพในภาษาอังกฤษ และวลีที่ใช้งานกันทั่วไป มีเนื้อหาดังนี้ :-

คงไม่มีใครกล้าปฏิเสธความสำคัญของภาษาอังกฤษว่ามีประโยชน์มากมายแค่ไหน มีบทบาทมากอย่างไร ยิ่งยุคโลกาภิวัตน์ ยุคไอที (IT) ยุคอิน เทอร์เน็ต (Internet) ที่มีความสามารถในการสื่อสารหรือถ่ายทอดความคิดเห็นต่าง ๆ กับผู้คนทั่วโลกได้อย่างรวดเร็วอย่างทุกวันนี้ และทั้งด้านการสื่อสาร กับหลายวงการ จนกลายเป็นปัจจัยสำคัญในวงการข่าวสาร ความรู้ ความบันเทิง ได้อย่างกว้างขวางและมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งได้กลายเป็นฐาน ธุรกิจระดับโลกในหลายรูปแบบ คนที่จะค้นหาข้อมูลในโลกของอินเทอร์เน็ต แน่นอนว่าส่วนมากแล้วจำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษเพื่อเป็นสื่อกลางใน การค้นหาข้อมูล รวมทั้งการติดต่อสื่อสาร ภาษาที่เห็นเด่นชัดและใช้กันมากที่สุดนั้นคือ ภาษาอังกฤษ เราคงไม่นิ่งดูดายที่จะไม่ยอมรับรู้ ไม่ตื่นตัว ไม่ศึกษาเพิ่มเติม หรือไม่พยายามต่อยอดให้ภาษาอังกฤษจากที่เคยร่ำเรียนมานานหลายปี ให้แข็งแรงจนเกิดประโยชน์และใช้งานได้ทันโลก ทันเหตุการณ์ ทันความเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ตามทันประเทศอื่นที่เขาเจริญรุดหน้าไปไกล และเพื่อไม่ให้ล้าหลังประเทศเหล่านั้น


เคยมีข่าวว่าคนไทยสอบวัดความรู้ภาษาอังกฤษเข้าทำงานกับหน่วยงานต่างชาติ อยู่ในลำดับรั้งหลังชาวเขมร และสอบเพื่อศึกษาต่อในต่างประเทศ อยู่ในอันดับรั้งท้ายชาวลาว ทั้งที่ทั้งสองประเทศเขาไม่เคยอยู่ในความปกครองของประเทศอังกฤษเลย ส่วนมากพวกเขาถนัดภาษาฝรั่งเศส แต่ทำไมภาษาอังกฤษของเขาจึงดีกว่า ของเรา ทั้งที่เราทุ่มเท ตั้งหน้าตั้งตาเรียนภาษาอังกฤษกันมาตั้งแต่ระดับอนุบาลจนระดับสูง ๆ อย่างน้อยก็ระดับปริญญาตรีเป็นอย่างต่ำ แต่ก็ไม่สามารถนำภาษาอังกฤษออกมาใช้งานให้เกิดประโยชน์ได้และดีเท่ากับเวลา และเงินทองที่ทุ่มเทไปเลย คิด ๆ ดูเหมือนถูกสาป เรียนอย่างไรก็ไม่ดีขึ้น ยุคใหนรัฐบาลไหนก็เห็นมุ่งปฏิรูปการศึกษา และเน้นเรื่องการเรียนการสอนภาษาอังกฤษเป็นประเด็นหลัก แต่แล้วก็อยู่กัน แค่นี้ ทีประเทศอื่นเขากลับสามารถนำเอามาใช้เป็นงานเป็นการได้ เรื่องประหลาดอย่างนี้เกิดขึ้นกับประเทศเราได้อย่างไร เกิดอะไรขึ้นกับการเรียนการสอนของประเทศเรามาตลอด


[ขอแทรกตรงนี้ เพื่อการอ้างอิง ผุ้เขียนไม่ได้พูดเอง แต่ได้มาจากเว๊บไซต์ข้างล่างนี้ => วงการศึกษาไทยช็อกไปตามๆ กัน!! เมื่อศูนย์พัฒนาความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษ (ศสษ.) เปิดเผยข้อมูลของ อีดูเคชั่นนัล เทสติ้ง เซอร์วิส (อีทีเอส) สหรัฐอเมริกา ผู้จัดสอบโทเฟล พบว่า คะแนนเฉลี่ยสอบโทเฟลเดือนกรกฎาคม 2547-มิ.ย. 2548 ไทยมีคะแนนเฉลี่ยลำดับที่ 8 ของอาเซียน รองจากสิงคโปร์ ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย พม่า อินโดนีเซีย เวียดนาม และลาว นอกจากนั้น อีทีเอสยังจัดสอบโทอิก (TOEIC) ซึ่งพบว่าคะแนนเฉลี่ยโทอิกช่วงปี 2547-2548 ของไทยอยู่ในลำดับที่ 4 ของอาเซียน รองจากฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และกัมพูชา ตามลำดับ รวมถึงค่าเฉลี่ยคะแนนภาษาอังกฤษจากการสอบเอนทรานซ์เดือนมีนาคม 2545-มีนาคม 2548 ไม่มีปีใดที่ผู้สอบทำคะแนนเฉลี่ยได้เกิน 50 เปอร์เซ็นต์ "การเรียนการสอนภาษาอังกฤษในไทยยังไม่น่าพอใจ เพราะการส่งเสริมขาดความต่อเนื่อง ครูระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานจำเป็นต้องสอนภาษาอังกฤษ โดยไม่ได้จบเอกด้านนี้ ขณะที่หลักสูตรระดับอุดมศึกษาให้ความสำคัญกับวิชาการมากกว่าการนำไปใช้สื่อ สารได้จริง" ศ.ดร.อัจฉรา วงศ์โสธร ผู้อำนวยการ ศสษ. กล่าว สอดคล้องกับการที่กรมสามัญศึกษาหรือสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในปัจจุบันได้ประเมินพื้นฐานความรู้ของครูสอนภาษาอังกฤษเป็นรายบุคคล 1 หมื่นคนทั่วประเทศเมื่อปี 2546 พบว่า ครูสอนภาษาอังกฤษระดับประถม 90% มีความรู้ค่อนข้างต่ำเพราะไม่ได้จบวิชาเอกภาษาอังกฤษโดยตรง ขณะที่ครูสอนภาษาอังกฤษระดับมัธยมมีความรู้อยู่ระดับปานกลางถึงค่อนข้าง ต่ำ http://www.moe.go.th/webpr/news_day/m081648/edu1.html]


ไม่ทราบว่าจะโทษใคร เป็นความผิดของใคร หรือว่าวิธีการเรียนการสอนของเราเป็นอย่างไร เราเกาไม่ถูกที่คันกันหรืออย่างไร ใครดัดเสียงให้ เหมือนต่างชาติ (แม้แต่จะออกเสียงแปร่ง ๆ เหมือนจีน เขมร ญวน พม่า) ก็ชื่นชมกันว่าเก่ง ทั้งที่เนื้อหาความถูกต้องไม่ได้ถูกต้องเลย พูดง่าย ๆ ว่าจะเอาแต่สุ้มเสียงมาวัดกัน ทีหลักเกณฑ์ความถูกต้องเหมือนกับที่เจ้าของภาษาเขาใช้กลับไม่ให้ความสำคัญ มีบางยุค นักการเมืองออกมาพูดกันว่าไม่ให้สอนไวยากรณ์ ฟังดูตลกแบบรู้กันไม่จริง เราจะเรียนภาษาเขาแต่ไม่เอาหลักเกณฑ์ของเขามาใช้ หรือนำมาใช้เทียบเป็นแนว แล้วจะไปงมเข็มอีท่าไหน จึงจะใช้ภาษาเขาได้ เราไม่ได้อยู่ในเมืองเขา นาน ๆ เราจะได้เจอะเจอ ได้พูด ได้ฟังเขาพูด แต่เรามีโอกาสได้อ่านหรือไม่ก็ได้เขียน อย่างในยุคนี้


คือ ต้องใช้มันบนอินเทอร์เน็ต และทั่วโลกก็กำลังให้ความสนใจกับการใช้สื่ออินเทอร์เน็ตเพื่อทำธุรกิจ เสาะแสวงหาความรู้ หาข้อมูลชิงความเป็นใหญ่กันจากแหล่งต่าง ๆ อย่างกว้างขวางทั่วโลก และตรงนี้แหละภาษาอังกฤษจะเข้ามามีบทบาทมากมายมหาศาล เราเรียนกันมาแล้ว เสียเงินมาแล้ว ปล่อยให้มันจางหายไปทำไม ปัดฝุ่น ฟื้นฟูมันให้แน่น ให้แข็งแรง เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสื่อสาร หรือใช้ประโยชน์ต่าง ๆ ที่ควรจะได้ ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก การคิดค้นนวัตกรรม การประดิษฐ์สิ่งใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นทุกเสี้ยววินาที จะยอมแพ้ชาติอื่นเขาง่าย ๆ อย่างนั้นเหรอ


ตรงนี้ผู้เขียนก็ไม่ได้ยกเมฆมาเขียน แต่นำมาจากคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อตามรูปข้างล่างนี้ ถ้าต้องการอ่านให้ตัวหนังสือโตขึ้น ให้ คลิ๊กตรงภาพ 2 ครั้ง




แม้แต่ประเทศสิงคโปร์เอง ภาษาทางการของเขาทั้งที่เขาใช้ภาษาอังกฤษเป็นประจำ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ต้องเรียนต้องใช้ภาษานี้เป็นสื่อที่เป็นทางการ แต่เขากลับออกตัวว่าภาษาของเขายังไม่ถูกต้อง ทางรัฐบาลเขายังพยายามหาทางปรับปรุงภาษาอังกฤษของเขาให้ดี ให้ได้มาตรฐาน เพราะเขายอม รับว่าภาษาอังกฤษของเขาไม่ได้มาตรฐานทำให้เขาเจริญไม่เท่าเทียมชาติอื่น  

ตรงนี้เป็นคำพูดของลีกวนยูเอง


แค่นี้ก็พอจะมองออกแล้วว่าเขาให้ความ สำคัญกับภาษาอังกฤษแค่ไหน ทั้งที่พวกเราคนไทยกลับเข้าใจว่า ภาษาอังกฤษของเขาดีกว่าของเรา แต่เขายังไม่ยอมหยุดยั้งที่จะปรับปรุงพัฒนาให้ภาษาอังกฤษของเขาดีขึ้นไปเรื่อย ๆ

ประมวลศัพท์เกี่ยวกับชื่อ ตำแหน่ง อาชีพในภาษาอังกฤษและวลีต่าง ๆ ที่ใช้งานกันทั่วไป เล่มนี้บรรจงนำมาเป็นส่วนหนึ่งเพื่อนำเสนอแนวทาง การเรียนรู้ภาษาอังกฤษในอีกรูปแบบหนึ่ง แม้จะใช้ชื่อว่า ศัพท์เกี่ยวกับชื่อ ตำแหน่ง อาชีพ ในภาษาอังกฤษและวลีต่าง ๆ ที่ใช้งานกันทั่วไป นอก จากคำศัพท์โดด ๆ ที่พอจะหาดูได้จากหนังสือเล่มอื่น แต่ก็มีเป็นจำนวนมากที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหนในหนังสือที่มีวางขายอยู่ใน ขณะนี้ อาจจะหาได้ในเล่มนี้ นอกจากนั้น การรู้คำแค่เพียงคำโดด ๆ อย่างดีก็แค่รู้เพียงความหมายของคำศัพท์คำนั้นเท่านั้น ครั้นเมื่อจะนำไปทำเป็นข้อความหรือรวมเข้ากับคำอื่น ไม่ทราบว่าจะใช้อย่างไร หรือจะให้หมายความออกมาว่าอย่างไรแน่


หลายครั้งเมื่อเอาคำตั้งแต่สองคำมารวมกัน ขยายกัน สมาสกัน ทำให้สงสัยว่า ที่เราสร้างคำขึ้นมานั้น มันให้ความหมายอย่างที่เราคิดเอาไว้ไหม หรือเขาใช้กันอย่างนั้นหรือเปล่า จะไปเปิดหาพจนานุกรมเล่มอื่นแทบจะไม่มีเลย หรือไม่มีเอาเสียเลย อย่างดีก็คำแปลแบบคำต่อคำ แล้วจะไปหาที่ไหน ได้ แม้แต่พจนานุกรมภาษาอังกฤษต้นฉบับเองก็มีน้อยเต็มที หรือบางครั้งมี เราเองก็ไม่แน่ใจว่า เขาเขียนเหมือนเรา แต่เขาแปลหรือมีหมายความว่า อะไรแน่ เพราะเราเองก็ไม่ถนัด พูดง่าย ๆว่าเราเองภาษาก็ไม่เก่ง คือแปลไม่ได้ว่าเขาอธิบายว่าอย่างไรแน่ อันนี้ก็เป็นปัญหา ที่เราคนไทยส่วนมาก กำลังเผชิญกันอยู่ เพราะตำหรับตำราที่จะช่วยปูทางหรือทำให้เราขยายความรู้ทางภาษาอังกฤษให้มีวง กว้างขึ้น หรือจะหามาใช้เปรียบเทียบความหมายหรือความถูกต้องของมันช่างหายากจริง ๆ

ไปร้านหนังสือกี่ครั้ง ก็เห็นมีแต่เนื้อหาเก่า ๆ จำเจ เคยเรียนในชั้นเรียนมาอย่างไร ก็เห็นกันอยู่อย่างนั้นแม้จะเป็นหนังสือใหม่ ไม่พอจะเอามาใช้เป็นบรรทัดฐาน เอาไว้ปรึกษาเวลาติดขัด เข้าตาจน อยากจะปรึกษาหรือถามใครก็ไม่มีและไม่มีเลย กี่เล่มที่ออกมา ก็ตอกย้ำกันอยู่แค่ที่เคยได้เรียนมาในห้องเรียนสมัยเป็นนักเรียน นักศึกษา จึงดูเหมือนว่า เมืองไทยรู้กันอยู่แค่ ตัดป่า เกลี่ยดิน ตอกเสาเข็ม ทำฐานรากอยู่แค่นั้น เลยกลายเป็นว่าคนไทย ถ้าจะเปรียบก็ไม่ต่างอะไรกับการเป็นแค่คนรู้จักถางหญ้า เกลี่ยดินให้เข้าที่เข้าทาง ตอกเสาเข็มให้ฐานรากแน่นแล้วแน่นอีกอยู่กันแค่นั้น พูดง่ายๆ ว่ามีแค่คนรู้จักทำงานฐานรากแค่นี้เอง แล้วเมื่อไรจะมีบริษัทรับจ้างหรือผู้รับเหมาที่จะมารับจ้างพาเรา ตั้งเสา สร้างโครงร่าง ก่อสร้างบ้านเรือนให้เป็นหลังขึ้นมาสักที เราแน่นกันอยู่แค่ภาษาอังกฤษพื้นฐาน เพื่อให้สอบได้คะแนนสูง ๆ สอบเสร็จก็ปล่อยเลยตามเลย ไม่รู้ว่าจะเอาไปใช้ทำอะไรเพราะตอนเรียน ครูก็บอกว่าตรงนี้แหละสำคัญจะออกข้อสอบนะ ไม่มีการชี้นำให้เอาไปใช้งานได้เป็นเรื่องเป็นราว ไม่ได้พาแต่งประโยค ฝึกแปล ฝึกอ่าน ฝึกเขียน โต้ตอบจดหมาย เขียนเรียงความ อ่านหนังสือพิมพ์ แชทบนอินเทอร์เน็ต หรือค้นคว้า เพื่อดึงเอาความรู้จากอินเทอร์เน็ตที่เป็นภาษาอังกฤษมาฝึกอ่านฝึกแปลกันเลย


หนังสือเล่มนี้จะช่วยแก้ปัญหายิ่ง เวลาจะอ่าน จะเขียน จะแปลแต่ละครั้ง เวลาเจอข้อความที่มีหลายคำนำมาเขียนรวมกันยาว ๆ ไม่ทราบว่าจะ แปลอย่างไร จะเริ่มตัวไหนก่อน ตามด้วยตัวไหน แล้วจะไปอย่างไรต่อ ในกรณีที่อ่านเจอ และในกรณีที่เขียน ถ้าเอาคำนี้มารวมกับคำนี้ จะให้ความหมาย เป็นอย่างไร มีคนเขาใช้อย่างนี้บ้างหรือเปล่า ในที่สุดก็เบื่อ เพราะไม่ทราบจะปรึกษาใคร ขณะที่นั่งเขียนอยู่ตัวคนเดียว อย่างมากก็หาเปิดพจนานุกรม เล่มนั้น เล่มนี้มีบ้าง ไม่มีบ้าง ถ้าไม่สนใจจริงหรือไม่เห็นความสำคัญของภาษาอังกฤษแล้ว คงต้องเลิกที่จะให้ความสนใจอีกต่อไป


เขาว่าปัญหามีไว้เพื่อให้แก้ จึงพยายามหาทางแก้ไปทีละจุด จนทำให้เกิดหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องมือในการอ่าน การแปล การเขียน ใช้เป็นแนวทาง และเปรียบเทียบ แม้จะมีไม่ครบทุกแง่ทุกมุม ทุกประเด็นปัญหา แต่ก็ช่วยได้เยอะทีเดียว อย่างน้อยก็จะเป็นการริเริ่ม ฉีกแนวตำราเรียน ภาษาอังกฤษออกไปบ้าง มีกฎและหลักต่าง ๆ ที่ไม่เคยมีการพูดถึงหรือไม่เคยสอนในห้องเรียนมาก่อน หรือมีก็แค่เปรย ๆ พอเป็นพิธี ไม่พอจะให้ความกระจ่าง ให้แตกฉานได้ จึงเป็นการเชิญชวนให้ผู้สนใจในภาษานี้ กล้าพอที่จะตั้งเสาบ้าน เอาองค์ประกอบแต่ละส่วนมาติดตั้งทำเป็นโครงร่างขึ้นมาได้บ้าง อย่างน้อยก็จะไม่จำเจอยู่กับการทำฐานราก เช่น เกลี่ยดิน ตอกเสาเข็ม เทปูนกันไปตลอดชีวิตโดยไม่มีอะไรคืบหน้าเลย


ลักษณะเฉพาะของหนังสือเล่มนี้


► เป็นการรวบรวมคำ ข้อความ วลี สำนวน ที่หาจากเล่มอื่นไม่มี
► ไม่ว่าจะเป็นคำเดียวโดด ๆ ที่หาไม่ค่อยเจอในเล่มอื่น อาจหาพบในเล่มนี้
► เป็นการนำเสนอทำนองเดียวกันกับพจนานุกรมทั่วไป แต่มีการเพิ่มเติมด้วยการเน้นเรื่องชื่อ ตำแหน่ง
อาชีพในภาษาอังกฤษ และสำนวน (Idiom) วลีต่าง ๆ
► เป็นการให้คำแปลในความหมายที่เป็นไปได้ (Possible Meanings) ในคำหรือข้อความเดียวกัน เท่าที่จะมี
ทางแปลได้ โดยเฉพาะคำในภาษาอังกฤษ เมื่ออยู่โดด ๆ ความหมายจะดิ้นได้ เว้นแต่จะมีข้อความอื่น หรือ
บริบท มากำกับหรือจำกัดความหมาย อย่างเช่น Australian English translator อาจจะหมายถึง นักแปลภาษาอังกฤษที่เป็นชาวออสเตรเลีย หรือนักแปลภาษาอังกฤษที่ใช้ในออสเตรเลีย ซึ่งมีอธิบายเอาไว้ชนิดที่ว่า ไม่เคยมีสอนในชั้นเรียนมาก่อน
► มีการนำเอาคำหรือข้อความที่เกี่ยวข้องมารวมกันไว้ตามเท่าที่จำเป็น เพราะถ้ามากไปจะทำให้หนังสือมี
ขนาดโตมากไป
► คำหรือข้อความต่าง ๆ ที่นำเสนอมาจากเอกสารจริง จากการแปลเอกสารหลายรูปแบบ
► คำคำเดียวกันเมื่อขยายคำต่างกันจะมีความหมายไปคนละอย่าง เช่น working girl กับ working
woman หรือ working life หรือ working party หรือ working group หรือ working papers มีความหมาย
ต่างกัน
► มีกฎต่าง ๆ ที่หาอ่านจากที่อื่นได้ไม่ง่ายนัก และไม่มีสอนในชั้นเรียนทั่ว ๆ ไป หรืออาจจะมีบ้างแต่ก็เป็น
การกล่าวเปรย ๆ ลอย ๆ เอาไว้ไม่มีความชัดเจน
► อัดแน่นด้วยชื่อต่าง ๆ ตำแหน่งงาน อาชีพ ไม่ว่าเอกชน ราชการ ทหาร ตำรวจ ศาล โรงเรียน นักเรียน
นักศึกษา ครูอาจารย์ ผู้คนในทุกวงการ มหาวิทยาลัย โรงพยาบาล โรงงาน และอื่น ๆ รวมทั้งวลีสำคัญ
ต่าง ๆ เพื่อใช้อ้างอิงและใช้งาน
► สำหรับผู้ใฝ่รู้ ใฝ่ศึกษา นักแปล ผู้ที่จะเป็นนักแปล นักเขียน นักเรียน นักศึกษา ผู้คนทั่วไป และผู้สนใจทางภาษา จะได้หยิบไปใช้ มีหลาย ๆคำ ที่ยังไม่มีการบัญญัติใช้เป็นทางการ ต่างคนต่างเข้าใจ ต่างคนต่างเรียกกันตามพื้นฐานความรู้ที่มี ก็พยายามเก็บเอามาให้เลือกใช้ตามที่เห็นว่าเหมาะสมในงานนั้น ๆ ที่ผู้อ่านกำลังอ่านหรือแปลอยู่
► ยกตัวอย่างง่าย ๆ คำง่าย เช่น your กับ contact มารวมกันเป็น your contact หมายความอย่างไร เข้าใจอย่างไรแน่ หรือมันคืออะไร ใครติดต่อ ใครแน่ อะไรทำนองนี้ คำง่าย ๆ อย่างนี้แหละทำให้ปวดหัวและก็ไม่มีสอนในชั้นเรียน แต่เห็นกันบ่อย ๆ ตามสื่อ แต่ไม่ทราบว่าแปลว่าอะไร หรือ
team player หรือ technician co-ordinator หมายความว่าอย่างไร เป็นต้น
► ถ้ามีหลายคำนามมาขยายหรือรวมเข้าด้วยกันอย่าง Chinese-speaking female fruit seller ถ้าอย่างนี้ จะแปลอย่างไร หรืออีกสักตัวอย่าง

ในวลีที่ว่า veteran of two world wars จะแปลว่าอย่างไร เหล่านี้เป็นต้น ซึ่งมีบรรจุไว้ในเล่มนี้มากมาย เกินที่จะนำมากล่าวในพื้นที่ตรงนี้ได้ แทนที่จะจำแค่คำเดียวโดด ๆ ลองมาจำเป็นชุดคำ กลุ่มคำ เป็นข้อความ หรือเป็นวลี ถึงแม้จะจำไม่ได้หมด แต่จะทำให้เราเคยชินกับการใช้คำได้หลากหลายรูปแบบ อย่างน้อยจะทำให้ทราบว่าแต่ละคำเขาใช้กันอย่างไร ต่อให้รู้คำโดด ๆ มากมายแค่ไหนก็เท่านั้นแหละ อย่างดีก็แค่เอามาพูดไทยปนอังกฤษให้มองว่าเท่ห์ดี แต่เชื่อเหลือเกินว่า ยากมากสำหรับคนที่มีพื้นฐานไม่แน่น ขาดประสบการณ์ทางการใช้ภาษา บางครั้งไม่สามารถทำเป็นวลีหรือข้อความยาว ๆได้ และแม้แต่ประโยคต่าง ๆ ที่จะพูด จะเขียนเพื่อสื่อความหมายที่ถูกต้องได้ ทางผู้เขียนเห็นว่า การจำหรือทำความเคยชินกับข้อความหลาย ๆ คำ ทำให้เราสามารถมองอะไรได้กว้างมากขึ้น ใช้งานได้มากและดีกว่าการจำเป็นคำ อย่างน้อยจะได้รู้ว่า แต่ละคำไม่ได้แปลอย่างนั้นเสมอไป หรือไม่ก็จะทำให้ทราบได้ว่าคำอย่างนี้เขาใช้กันอย่างไรได้บ้าง


คำบางคำที่ไม่มีใครบัญญัติไว้ เราจะมีวิธีการสร้างคำหรือพูดอย่างไรให้ต่างชาติเข้าใจ ทางผู้เขียนนำมาเขียนและรวบรวมเอาไว้ เพื่อใช้เปรียบเทียบหรือเพื่อนำไปใช้เป็นแนวทางสำหรับแต่งหรือสร้างคำใหม่ ขึ้นมาเอง และพยายามสอดแทรกคำต่าง ๆ เอาไว้ มีคำบางคำ ดูผิวเผินอาจจะเห็นว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่เป็นคำที่เอามาจากเอกสารจริง ที่เป็นเนื้อหาเดียวกัน เกี่ยวข้องกัน เผื่อมีโอกาสได้ไปอ่าน เขียน หรือแปลเอกสารในเรื่องเหล่านั้น จะได้สะดวกหรือเข้าใจได้ และยังเป็นการอ้างอิงว่ามาจากเอกสารเดียวกัน ซึ่งส่วนมากเป็นเอกสารทางการ มาจากหลายประเทศ จากสื่อต่าง ๆ และหนังสือพิมพ์ระดับต่างประเทศ รวมไปถึงพจนานุกรมต้นฉบับภาษาอังกฤษ เช่น :-

The New Oxford Dictionary of English, Cambridge Advanced Learner’s Dictionary, Newbury House Dictionary, Longman Active Study Dictionary, Babylon Dictionary, American Heritage Dictionary, Collins Cobuild Dictionary, Longman Dictionary of Contemporary English, Webster’s Collegiate Dictionary, New Oxford Business English Dictionary, Cambridge International Dictionary of English รวมทั้งพจนานุกรมของราชบัณฑิตยสถาน เป็นต้น ถูกนำมาใช้อ้างอิงเป็นส่วนใหญ่


ขอย้ำตรงนี้อีกครั้ง แม้ว่าบางครั้งเรารู้ความหมายของแต่ละคำเป็นอย่างดี ตามที่กล่าวแล้วข้างต้นนั้น เมื่อไปเจอคำเหล่านั้นรวมกันเป็นข้อความหรือเป็นวลี เราไม่สามารถตีความหมายหรือแปลความหมายของวลีนั้นได้ หรือไม่ก็ทำให้ไม่แน่ใจว่ามันหมายความว่าอะไรแน่ และตรงนี้แหละทำให้เราอ่านไม่ได้ เขียนไม่เป็น เบื่อที่จะอ่าน เบื่อที่จะศึกษาภาษาอังกฤษ จะลองอ่านอะไรสักอย่างดูหน่อย หากไปเจออย่างเช่น

Deputy regional director-general / International medical marketing manager หรืออย่าง Double-decker bus driver / Technical support engineer / Thai government ship surveyor / Thainess appreciators / Northeast Thailand media workers

สำหรับพวกเราคนไทยที่ถนัดแต่งาน ฐานราก (เรียนมาแต่อังกฤษพื้นฐาน) ดังที่กล่าวข้างต้นนั้น จะพาลงงหรือสับสนทันที ยิ่งไปอ่านหนังสือพิมพ์ ซึ่งเขาพยายามสรรหาคำใหม่ ๆ แปลก ๆ เป็นข้อความยาว ๆ ขึ้นมาให้พวกเราได้อ่านกันตลอดเวลา

เหล่านี้แหละคือปัญหาที่ทำ ให้เราเบื่อหน่ายกับการอ่าน การเขียนภาษาอังกฤษ การแปล รวมทั้งการพูด และตรงนี้แหละเป็นที่มาของหนังสือเล่มนี้ อีกประการหนึ่ง เพื่อจะให้ผู้อ่านสามารถค้นหา อ้างอิง หรือใช้เทียบเป็นแนวการแปล การเขียนข้อความต่าง ๆ ได้ และเพื่อให้เกิดความเคยชินกับ การจำที่เป็นข้อความ แทนที่จะจำกันแค่คำโดดๆ ดังที่กล่าวมาแล้วนั้น

มีหลายคำที่ต่างฝ่ายต่างบัญญัติไปคนละทิศละทาง ตามพื้นฐานความรู้ ประสบการณ์ แนวคิด แวดวงการทำงานที่ตนถนัด รวมถึงความสนใจต่างแง่ต่างมุม เป็นต้น ในหนังสือเล่มนี้ก็มีเอามาลงไว้บ้าง เพื่อให้ผู้อ่านนำไปพิจารณาว่าคำไหนควรจะใช้ตอนไหนหรือไม่ควรใช้ตอนไหน ตัวอย่างง่าย ๆ อย่างเช่นคำว่า ปลัดอำเภอ ปลัดจังหวัด ปลัดเทศบาล หาข้อยุติไม่ได้ ต่างคนต่างเข้าใจ ต่างคนต่างใช้ แถมกระทรวงต่างประเทศ และสถานทูตต่าง ๆ กำหนดให้ใช้อีกคำ ตรงนี้บรรดานักแปลคงปวดหัวไม่น้อย นั่นยังไม่พอ คำว่าหมอตำแย นางผดุงครรภ์ แต่ละคนใช้กันแต่ละคำไม่เหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นนักแปลหรือในพจนานุกรมภาษาไทยแต่ละเล่ม ผู้เขียนพยายามที่จะนำมารวมไว้ แต่มองในแง่ลิขสิทธิ์ทำให้ลังเลใจที่จะนำเอามากล่าวไว้ แต่อยากนำมาเล่าเป็นข้อสังเกตเอาไว้ เพื่อจะได้พิจารณาความน่าจะเป็นไปได้ก่อนนำไปใช้ แม้แต่ตำแหน่งทหาร ตำรวจ ก็ค่อนข้างจะมั่วกันไม่น้อย ต่างคนต่างว่ากันไปคนละแบบ แม้แต่คนในวงการ ทหาร ตำรวจ ในสื่อหนังสือพิมพ์ อีกอย่างในพจนานุกรมภาษาไทยของแต่ละคนก็มีคำของเขาต่างหากแต่ละเล่มก็ไม่ตรงกัน


มีหลายครั้ง เวลาจะเขียนอะไรสักอย่างที่เกี่ยวกับชื่อ ตำแหน่งนึกไม่ออก หาที่ไหนก็ไม่มี ยกตัวอย่างง่าย ๆ ข้าราชการตำรวจ จะเขียนเป็นภาษาอังกฤษว่าอย่างไร มีหนังสือบางเล่มเขาใช้ว่า Police Business ก็มี Police Official อย่างนี้ก็มี แถมคำว่า ราชการ เขาใช้ว่า Government Business ก็มี ก่อนใช้ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนที่นำ มากล่าวไว้ในที่นี้ก็เพราะอยากจะบอกให้ทราบทั่วกันว่า บางอย่างเราต้องช่วยกันแก้ ช่วยกันระดมสมองเพื่อบัญญัติคำ เพื่อความถูกต้องให้ไปแนวเดียวกัน และหนังสือเล่มนี้มีเจตนาสำคัญและเป็นวัตถุประสงค์หลัก อยากให้เป็นฐานข้อมูลขั้นต้นเกี่ยวกับคำพวกนี้ โดยการรวบรวมคำต่าง ๆ เอาไว้ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้ผู้สนใจ นักศึกษา ผู้รู้ นักอ่าน นักแปล นักเขียน รวมทั้งนักวิชาการจะได้นำไปใช้เป็นลู่ทางปรับปรุง เสริมแต่งเติมต่อให้มีความหลากหลายถูกต้องมากยิ่งขึ้น และใช้เป็นประโยชน์ในการอ้างอิงกันสืบต่อไป เพราะหนังสือประเภทอย่างนี้ยังไม่มีใครทำเอาไว้ และหากพบว่าคำไหนควรแก้ไข คำแปลไม่ตรงความหมาย (ซึ่งอาจจะหลงมีหรือเกิดความพลาดพลั้งที่คิดไม่ถึงของผู้เขียนเอง) ไม่กระชับ หรือมีคำแปลที่ดีกว่า (แต่ต้องคำนึงถึงลิขสิทธิ์ของคนอื่นที่เขาบัญญัติไว้ก่อนด้วย อย่าให้ซ้ำกับของเขา) ก็พร้อมและยินดีที่จะให้มีการแก้ไข เพื่อความถูกต้อง เพื่อให้เป็นความคิดเห็นที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และเพื่อประโยชน์ของคนรุ่นต่อไป เพื่อปรับปรุงให้มีความสมบูรณ์ยิ่งขึ้น และเพื่อระดมความคิดเห็นจากท่านผู้รู้ ผู้สนใจต่าง ๆ จะได้หันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับเรื่องอย่างนี้มากขึ้น จะได้ใช้เป็นบรรทัดฐาน ให้มีความหลากหลาย ความถูกต้องแน่นอนมากขึ้น เป็นที่ยอมรับกันต่อไป เป็นคลังคำศัพท์เฉพาะด้าน และเพื่อสะดวกในการค้นหาในหลาย ๆ วงการในเล่มเดียวอีกด้วย


อนึ่ง ความหมายเกี่ยวกับตำแหน่งงานต่าง ๆ บางครั้งผู้รวบรวมจำต้องยอมรับเอาตามตำแหน่งที่บริษัทต่าง ๆ เขาใช้กัน ซึ่งคำแปลอาจไม่ตรงตามความหมายของภาษาโดยตรง แต่เป็นตำแหน่งงานที่หน่วยงานต่าง ๆ เขาใช้กันมาจนเคยชิน ยกตัวอย่างคำว่า Vice President บางบริษัทแปลว่า ผู้อำนวยการ ก็มีอย่างนี้เป็นต้น


ท้ายนี้หวังว่า หนังสือเล่มนี้จะมีส่วนเพิ่มทักษะการใช้ภาษาอังกฤษไม่มากก็น้อย เพื่อปูทางสู่การอ่าน การเขียน การแปล และการพูดภาษาอังกฤษให้ใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อการพัฒนาสมอง จะได้ไม่เกิดความรู้สึกว่า มีอุปสรรคปิดกั้นทางภาษา ที่เป็นสื่อสำคัญในการถ่ายทอดความนึกคิดออกมาเป็นภาษาที่สอง และเพื่อติดต่อสื่อสารกับคนทั่วโลก และเปิดช่องทางที่จะค้นหา หยิบ จับฉวย นำเอาความรู้จากแหล่งเรียนรู้ต่าง ๆ ที่มีอยู่ทั่วโลกมาใช้ประโยชน์ เพื่อประยุกต์ใช้งานได้อย่างไร้อุปสรรคทางภาษา ประเทศชาติของเราจะได้มีพหูสูตร ผู้รู้ลึก รู้กว้างมากขึ้น จะได้ช่วยกันสร้างสรรค์ประเทศชาติของเราให้ก้าวทันกับประเทศอื่นที่เจริญ ด้านสติปัญญา ความรู้ และด้านเทคโนโลยีต่าง ๆ ได้


VJ. (Veeraphol Julcampa) - วีระพล  จุลคำภา

myvictory32@hotmail.com          CC: victory267@yahoo.com
Tel: 0877055958

http://worldway.multiply.com     - บล๊อกนี้ปิดไปแล้ว บทความต่างๆดูได้ที่


http://jcampa-newlook.blogspot.com



[เขียน โดย วีระพล จุลคำภา - Veeraphol Julcampa (VJ.) สงวน สิทธิ์ ห้ามลอกเลียนแบบ ทำซ้ำไม่ว่าจะดัดแปลงเนื้อหา หรือข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบหนึ่งแบบใด เพื่อนำไปลงในสื่อชนิดใดก็ตาม ก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษร]

ไม่มีความคิดเห็น: