Jcampa

ยินดีต้อนรับทุกท่าน เข้าเยี่ยมชม และออกความเห็น แบ่งปันประสบการณ์ร่วมกัน

You are cordially invited to join sharing your experience here.

เชิญร่วมแบ่งปันประสบการณ์ร่วมกันตรงนี้


ค้นหาบล็อกนี้

วันจันทร์ที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2551

นี่ก็อีกเล่มที่มีอะไรผิดๆ

นี่ก็อีกเล่มที่มีอะไรผิดๆ

ตรงนี้ก็เป็นหนังสือที่ผิดอีกเล่มหนึ่ง ซึ่งมีเนื้อหาภายในหลายที่เขียนเอาไว้ผิดๆ เช่น

ประโยคง่ายๆอย่างนี้ก้ยังมีผิด
How are you? :สบายดี (ตรงนี้ถูกต้อง แต่ประโยคถัดมา
How do you do? :สบายดีหรือ (ตรงนี้ผิด ร้อยเปอร์เซนต์ เพราะประโยคนี้เป็นประโยคทักทายที่เพิ่งรู้จักกันใหม่ๆ เช่นมีคนแนะนำให้รู้จักกัน ต่างฝ่ายจะใช้คำพูดว่า How do you do? : ทำนองว่า หวัดดีครับ หรือยินดี (ที่ได้รู้จักครับ) พร้อมกับ Shake hand (shake each other's right hand ถ้าเป็นคำนามใช้ว่า handshake) กัน หรือสัมผัสมือข้างขวาของแต่ละคน ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็พูดทักทายด้วยข้อความเดียวกันดังที่กล่าวนั้น

ดังนั้น How do you do? จึงไม่มีสิทธิ์ที่จะแปลว่า สบายดีหรือ เหมือนกับ How are you? จึงเป็นไปไม่ได้ กลัวว่าเด็กจะดูดซับเอาของผิดๆพวกนี้ไปใช้ไม่รู้ตัว

ต่อมาในหน้า 13 ของหนังสือเล่มนี้ ถามว่า
How's going? : เป็นอย่างไรบ้าง ที่ถูกต้องเป็น How's it going?

ต่อมาในหน้า 14 มีประโยคว่า
What's bring you here today? : ลมอะไรหอบมาที่นี่ได้ล่ะ ที่ถูกต้องเป็น
What has brought you here today?

ในหน้า 30. When is he expected back? : เขาบอกว่าจะกลับมาเมื่อไรครับ ที่ถูกต้องเป็น
When is he expected to be back?

ในหน้า 48 ตรงหัวข้อ ถามอาการเพื่อน เขาใช้ภาษาอังกฤษว่า about sick เป็นไปไม่ได้เลย เมื่อ about เป็นบุรพบทขณะที่ sick เป็นคำคุณศัพท์ ไม่สามารถเป็นกรรมของบุรพทได้

sick จึงควรเป็น sickness หรือ about being sick หรือ illness (แต่ตัวนี้ออกจะป่วยหนักกว่า sick)

หัวข้อหน้า 56 ใช้ว่า Likes and Dislikes : ชอบ ไม่ชอบ ทั้งสองคำนี้เป็นคำกริยาจะเติม -s เมื่อประธานเป็นเอกพจน์บุรุทที่สามในประโยค Present tense เท่านั้นจึงเติม -s

อย่างในกรณีอย่างที่ใช้เป็นหัวข้อในขณะที่ผู้เขียนคงนึกว่าเป็นคำนามกระมัง ถ้าเป็นคำนามเขาใช้ว่า the like (ซึ่งหมายถึงสิ่งของที่เป็นเอกพจน์ หรือเป็นพหูพจน์ (a thing or things ) ที่เป็นชนิดเดียวกัน คือเป็นได้ทั้งเอกพจน์และพหูพจน์) ส่วน Dislike เมื่อเป็นคำนามหมายถึง ความไม่ชอบ ความไม่เป็นมิตร ความมุ่งร้าย ความรู้สึกที่ไม่ชอบ (a feeling of distaste or hostility)

นอกจานั้นยังมีประโยคผิดๆอีกมาก เช่น
It better not be Ball. I don't want to loss another friend to the death of love. หรือ
It better not be just 'coz' he looks like Brad Pitt. Marriage is more than a fling with a movie-star look-alike.

สรุปง่ายๆว่าจะซื้อหรืออ่านหนังสือต้องให้ความสนใจด้วยว่ามีความถูกต้องแค่ไหน ไม่ใช่พิมพ์เป็นเล่มก็คิดว่าเป็นหนังสือที่ถูกต้องสมบูรณ์ เหมือนคำพูดที่มักจะได้ยินกันบ่อยว่า “อ่านไปเถอะ ดีทั้งนั้นขอให้เป็นหนังสือ” คนที่รู้อะไรไม่จริงจะพูดอะไรก็พูดได้ทั้งนั้น ไม่ได้มองว่าจะเกิดผลกระทบ ความเสียหายว่าจะเกิดขึ้นมากน้อยแค่ไหน เดี่ยวจะอายต่างชาติเขา ยิ่งยุคทุกวันนี้ เป็นยุคไร้พรมแดน ภาษาอังกฤษใช้เป็นตัววัดหรือกำหนดระดับความรู้ การศึกษาของคนในแต่ละประเทศ หรือสถานะบางอย่างของคนได้

มีไหม ผู้รู้ทั้งหลายที่คิดจะมารวมตัวกันตั้งเป็นชมรม หรือเป็นอาสาสมัครเพื่อคอยเฝ้าติดตาม คอยดูการใช้ภาษาอังกฤษ หรือจะเป็นภาษาไทยด้วยก็ได้จะยิ่งดีมากเลย คอยติ ให้คำแนะนำ แก้ไขในสิ่งที่ผิดๆให้ถูกต้องเป็นมาตรฐานสากลกับประเทศอื่นๆ

หรือจะให้มีการเผาตำราไปก่อนถึงจะรู้ตัวว่า เรียนกันมาผิดๆ สอนกันมาผิดๆ จำกันได้ไหมประมาณปี 2541 หรือ 2542 ประมาณนั้น มีนักวิชาการออกมาโวยวายว่าตำราผิด ทางโรงพิมพ์จึงสั่งเผาตำรา ทั้งที่ (หนังสือเล่มดังกล่าว (หนังสือภาษาอังกฤษมัธยมปีที่ 3) มีการสอนกันมาหลายปีก่อนที่จะมีการเผาเสียด้วยซ้ำ ครู อาจารย์ที่สอนช่างไม่รู้เลยว่าอะไรถูกอะไรผิด ผู้เขียนบทความนี้เคยมีลูกได้เรียนหนังสือเล่มดังกล่าวด้วย และ พ่อเคยบอกกับลูกว่าตรงนี้ผิด ช่วยไปบอกครูด้วย แต่ลูกไม่กล้าเพราะกลัวจะเด่นและเสี่ยงที่ครูจะไม่เห็นด้วย เดี๋ยวหน้าแตก

ตรงนี้คืออุทาหรณ์ที่ควรตระหนักเอาไว้ อย่าว่าแต่หนังสือเลย โฆษณาภาษาอังกฤษหลายสถาบันก็มีผิดไม่น้อย นี่และเมืองไทย ที่ไม่กล้าแสดงออกในสิ่งที่ควรจะแสดง อะไรก็เก็บเงียบ กว่าจะรู้อะไรผิดก็สายเสียแล้ว

Jcampa-เจแคมป้า
10 March 2008
http://jcampa-newlook.blogspot.com/ [สงวนลิขสิทธิ์ห้ามลอกแบบ เลียนแบบหรือนำไปดัดแปลงใช้ในสื่อรูปแบบใดๆ ยกเว้นจะได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษร]
wrp.inbkk@gmail.com