Jcampa

ยินดีต้อนรับทุกท่าน เข้าเยี่ยมชม และออกความเห็น แบ่งปันประสบการณ์ร่วมกัน

You are cordially invited to join sharing your experience here.

เชิญร่วมแบ่งปันประสบการณ์ร่วมกันตรงนี้


ค้นหาบล็อกนี้

วันศุกร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2550

WRP: You are what you eat :-กินอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น เขาแปลมาอย่างนี้

WRP: You are what you eat :-กินอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น เขาแปลมาอย่างนี้

You are what you eat :-กินอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น เขาแปลมาอย่างนี้






You are what you eat :-กินอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น  เขาแปลมาอย่างนี้

เล็กๆน้อยอย่างนี้อย่าได้มองข้าม ที่จริงนั้นคือ ถ้ากินของดีมีประโยชน์ก็จะได้ผลดีต่อร่างกายของคุณ กินของไม่ดีก็จะเกิดโทษกับตัวคุณ


ประโยคเดียวกันนี้แหละ มีบริษัทขายสินค้าควบคุมน้ำหนัก แจกใบปลิวโฆษณาผลิตภัณฑ์ของเขา ซึ่งแปลว่าเอาไว้อย่างที่กล่าวเอาไว้ข้างต้นนั้น

ซึ่งเป็นการแปลที่ดูผิวเผินดูเหมือนจะถูกต้อง แต่เป็นการแปลที่ไม่ได้ดูความหมายที่ถูกต้องเลย เปิดพจนานุกรมแปลเอาดื้อ โดยไม่คิดว่าแปลออกมาแล้วมันฟ้องว่า คนแปลรู้เรื่องหรือเปล่า เจตนาของประโยคนี้คืออะไรแน่


You are what you eat :-เขาแปลว่า กินอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น หรืออีกความหมายหนึ่งคือ "คุณจะเป็นอะไรตามสิ่งที่คุณกินเข้าไป" ตีความว่า กินเนื้อ ตัวคุณจะเป็นเนื้อ กินไข่ตัวคุณจะเป็นไข่


ฟังดูแล้วมันคนละความหมาย กลายเป็นว่าอยากแปลงตัวเองให้เป็นอะไรก็ได้ เพียงแค่กินของสิ่งนั้นลงไป แล้วคุณจะกลายเป็น ผักเป็น ปลา กา ไก่ ไม่ใช่คน มิน่าล่ะ คนเราทุกวันนี้จึงมีจิตใจเป็นหมูเป็นหมา หรือสัตว์ ไล่กัดไล่ตีกัน ปล้นแย่งชิงกัน แม้แต่การแย่งชิงแม้แต่โทรศัพท์มือถือ อันตรายไปทั่วบ้านทั่วเมือง ไม่ว่าบนสะพานลอยเปลี่ยวๆที่คนใช้ข้ามทาง จึงมีคนตกเป็นเหยื่อ ทั้งตกอกตกใจเป็นลมหมดสติ พิการเข้าโรงพยาบาลรักษาตัวคนแล้วคนเล่า จนถึงตายก็มี


ถ้ามองย่างนี้เห็นทีจะยอมรับในคำแปลที่เขาแปลเอาไว้ได้ แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นในความหมายของประโยคนี้ที่ถูกต้องนั้น ความหมายจริงๆของเขานั้นคือ

กินอย่างไรก็ได้อย่างนั้น คือถ้ากินของดีก็มีประโยชน์และจะก่อให้ผลดีต่อร่างกายของคุณ กินของไม่ดีก็จะเกิดโทษกับตัวคุณ ตรงนี้จะชัดเจนขึ้น

*******************************************************************************

Jcampa-เจแคมป้า
27 April 2007.
[สงวนลิขสิทธิ์ห้ามลอกแบบ เลียนแบบหรือนำไปดัดแปลงใช้ในสื่อรูปแบบใดๆ ยกเว้นจะได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษร]

วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2550

ต้องบันทึกเอาไว้


ต้องบันทึกไว้

อาจารย์ผู้กล้าสละชีวิตเพื่อบรรดาลูกศิษย์ ท่านผู้นี้คือ นายลิเวีย ลิเบรสคู วัย 76 ปี ฮีโร่ที่เด็ดเดี่ยวท่านนี้

ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย เทค ซึ่งตั้งอยู่ในเมือง เบลคสเบิร์ก (BLACKSBURG) รัฐเวอร์จิเนีย สหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ (massacre) เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2550 ซึ่งก่อเหตุโดยนักศึกษาชาวเกาหลีใต้ชื่อนายโช ชง-ฮุย อายุ 23 ปี โดยใช้ปืนกาดยิงนักศึกษาและอาจารย์ท่านนี้ตายไป 32 คนรวมทั้งตัวมือปืน (gunman) ด้วยเป็น 33 คน นับว่าเป็นโศกนาฏกรรมครั้งยิ่งใหญ่มาก (great tragedy) เหตุการณ์หนึ่งในประวัติศาสตร์ในยุคนี้ของสหรัฐ

ท่านอาจารย์คนดังกล่าวนี้เป็นผู้ใช้ร่างกายของตัวเองขวางประตูเพื่อหน่วงเวลาให้นักศึกษากระโดดหนีความตายไปทางหน้าต่างของห้องเรียนที่อยู่บนชั้น 2 ของตึกวิศวกรรมศาสตร์ ในที่สุดตัวอาจารย์ต้องถูกฆ่าไปด้วย

คนร้ายโรคจิตไม่ได้คำนึงว่าคนแก่ คนหนุ่มหรือสาวมันทำได้ทั้งนั้น ยิ่งคนทุกวันนี้พึงพากันได้ที่ไหนล่ะ นานๆจะเจอผู้กล้าเสียสละอย่างนี้ เห็นว่าน่าชื่นชม น่าสรรเสริญ แม้ชีวิตตนเองยังกล้าเสียสละขนาดนี้ ขอให้วิญญาณของท่านไปสู่ที่สุขคติด้วยเถิด จึงขอจาลึกไว้เป็นแบบอย่างให้ชนรุ่นหลังได้รับทราบกันต่อไป

ประวัติของท่านผู้นี้ตามที่ทราบมานั้น จบการศึกษาด้านวิศวกรรมศาสตร์ด้านอวกาศ เกิดในโรมาเนีย ผ่านและรอดตายจากเหตการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ชาวยิว ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ในขณะที่ยังเป็นเด็กอยู่นั้น ถูกจับส่งไปอยู่ในค่ายกักกันแรงงานในยูเครน และต่อมากลับไปยังโรมาเนียอีกครั้ง แล้วจึงย้ายไปอยู่อิสราเอล และได้ไปทำงานอยู่ที่มหาวิทยาลัยเวอร์จิเนีย เทค แห่งดังกล่าวนี้


Jcampa-เจแคมป้า

Thai herbal crispy curl


Thai herbal crispy curl

Thai herbal crispy curl : ครองแครง ของบริษัทแห่งหนึ่ง เขาใช้คำนี้ ซึ่งถ้าจะแปลเป็นไทยให้ตรงตัวหนังสือ จะได้ว่า สิ่งที่โค้งงอกรอบเป็นสมุนไพรไทย / ตัวโค้งงอสมุนไพรไทยกรอบ อะไรทำนองนี้ นี่แปลแบบเอาใจเจ้าของขนมเขาแล้วนะ จะแปลว่า ขนมก็ไม่กล้าใช้ว่าขนม เพราะไม่มีคำที่พอจะบอกว่าเป็นขนมเลย อย่างน้อยมีคำว่า sweet / salty / spicy / snack อะไรสักอย่างก็พอจะบอกว่าเป็นขนมหน่อย แต่นี่เขาบอกว่า ตัวโค้งที่กรอบเป็นสมุนไพรไทย จะเป็นยาแผนโบราณหรือเปล่าก็ไม่ทราบได้

ถ้าจะพูดว่า

Thai herbal, crispy and curled snack จะไม่ดูดีกว่าหรือ

สำหรับคำว่าครองแครงคำนี้ มีพจนานุกรมบางเล่ม ใช้คำว่า

sweet calms in the shell :-ในความหมายว่า ครองแครงกรอบ>
calms shell delight :-ครองแครงกะทิ>

ทั้งสองคำนี้ รับรองได้ว่าฝรั่งฟังแล้ว เป็น "งง" แปลมาได้ยังไง มันคนละครองแครง

มันไม่ใช่หอยแครงแท้ๆแต่อย่างไร และก็ไม่มีส่วนหนึ่งส่วนใดของหอยหรือเปลือกห้อยแครงเอามาเข้าสูตรทำขนมนี้แต่อย่างไรเลย เป็นเพียงตั้งชื่อเพราะว่ามีรูปร่างเหมือนหอยแครงเท่านั้น แต่มันเป็นขนมกรอบที่ทำขึ้นเป็นรูปร่างของเปลือกหอยแครงเท่านั้น

ถ้าจะแปล คำ

sweet calms in the shell :-จะหมายความว่า หอยกาบหวานในเปลือกหอยเชลล์>*

ถ้าจะใช้คำให้มันดูว่าเป็น ขนมมีรูปร่างเปลือกหอยแครงนั้นน่าจะเป็น

crispy snack in shape of shell / crispy snack in shell shape / shell-shaped crispy snack / crispy snack with shape of shell

ก็น่าจะดูดีกว่า ส่วนคำ

snack :-หมายถึง ของกินเล่น ของขบเคี้ยว ขนมขบเคี้ยวยามว่าง>*


Jcampa-เจแคมป้า
[สงวนลิขสิทธิ์ห้ามลอกแบบ เลียนแบบหรือนำไปดัดแปลงใช้ในสื่อรูปแบบใดๆ ยกเว้นจะได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษร]

Spray nozzle // Spraying nozzle


Spray Nozzle or Spraying nozzle :



พอดีวันนี้

หัวฉีดล้างก้น
 
(ไม่ทราบว่าภาษาที่ถูกต้องจะเรียกว่าอะไรแน่ แต่แน่ใจว่า ข้อความนี้คงจะสื่อความหมายได้ชัดเจนอยู่แล้ว คือมองออกว่า ผู้เขียนหมายถึงอะไรแน่ แต่ถ้ามีคำแปลที่ดีและกระชับกว่านี้ ช่วยแนะนำไปด้วยจักขอบคุณมากเลย) ตรงด้ามซึ่งมีก้านสำหรับกดลงเพื่อฉีดน้ำสำหรับชำระให้ออกมา เกิดหัก (ตรงนี้แหละคือจุดอ่อนของอุปกรณ์ตัวนี้ มักจะหักบ่อยและเป็นปัญหาประจำเสมอ จึงควรมีเตรียมไว้ในบ้านสักอัน เผื่อเวลาฉุกเฉินกลางค่ำกลางคืน จะได้ถอดเปลี่ยนได้ ซึ่งก็ทำได้ง่ายๆเอง ผู้หญิงหรือผู้ชายก็ทำได้ ใช้แรงหมุนเกลียวเข้าหรือออกเท่านั้น ก็ทำได้แล้วไม่ต้องใช้ช่าง ก็ทำได้ ก่อนเปลี่ยนจะลงไปปิดประตูน้ำตรงมาตรวัดน้ำไม่ให้น้ำไหลเข้าท่อในบ้านก่อนจะดีที่สุด เพราะเวลาถอดออกมา เห็นน้ำพุ่งออกมาจะทำให้ตกอกตกใจ กว่าจะหมุนเกลียวเข้าได้น้ำคงฉีดเข้าหน้าเขาตา หรือไม่ก็ทำเลอะไปหมดทั้งห้องน้ำ) 


ประเด็นที่จะนำมาพูดถึงตรงนี้อยู่ที่ว่า ในฉลากห่ออุปกรณ์ตัวนี้ เขาใช้ชื่อเรียกภาษาอังกฤษว่า

sink spray head : คำนี้บริษัทนี้ใช้ในความหมาย หัวฉีดล้างก้น หัวฉีดชำระก้น อ่านดูแล้วตลกทะแม่งดี ที่จริงนั้นต้องเป็น spray nozzle / spraying nozzle หรือ Toilet Spray Nozzle มากกว่า เพราะ  

nozzle :-หมายถึง หลอดพ่น พวยกา ท่อพ่นตรงปลายท่อ ปลายสายยางใช้เพื่อควบคุมให้ลำของก๊าซหรือของเหลวที่พ่นออกมา (ฉีดออกมา พุ่งออกมาหรือ ลำน้ำที่ไหลพุ่งออกมา ฉีดออกมา) ให้มากน้อยตามการควบคุม

nozzle :-Noun    a cylindrical or round spout at the end of a pipe, hose, or tube used to control a jet of gas or liquid. ความหมายตาม Oxford dictionary //


ส่วน spray :-นั้นหมายถึง scatter ในความหมายที่เป็นคำกริยา คือ กระจายออกด้วยแรงดันออกอย่างมาก ฉีดออกด้วยแรงดันอย่างแรง 

spray :-scatter (something) somewhere with great force: the truck shuddered to a halt, spraying gravel from under its wheels or liquid. (Oxford Dictionary) / 

หรือไม่ก็ใช้เป็น

toilet spray-gun / toilet spray gun :-หัวฉีดล้างกัน อันนี้น่าจะตรงประเด็นมากที่สุด



หัวฉีดพ่นสี A spray gun :-is a piece of equipment which you use to spray paint under pressure onto a surface. (ความหมายตาม Collins Cobuild Dictionary)

ยังมีอีกคำน่าจะใช้ในความหมายหัวฉีดหรือหัวพ่น คือ

sink water spraying apparatus :-อุปกรณ์สำหรับพ่นหรือฉีดน้ำในอ่างชะล้าง

***************************************************************


Jcampa-เจแคมป้า
25 April 2007


สงวน สิทธิ์ ห้ามลอกเลียนแบบ ทำซ้ำไม่ว่าจะดัดแปลงเนื้อหา หรือข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบใด หรือนำไปลงในสื่อชนิดใดก็ตาม ก่อนได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษร

ติดต่อได้ที่โทร: 0877055958 / 025320942 หรือ


ขอร่วมสรรเสริญและสดุดีผู้กล้าหาญซึ่งเป็นคนขับแท็กซี่

ขอร่วมสรรเสริญและสดุดีผู้กล้าหาญซึ่งเป็นคนขับแท็กซี่ที่สร้างวีรกรรม
ไม่ทราบว่าข่าวนี้เกิดเมื่อคืนวันที่ 25 เมษายน 2550 หรือเมื่อเช้านี้แน่ แต่ได้ฟังข่าวจาก FM 96.5 MHZ. ตอนเช้าวันที่ 26 บังเอิญได้ฟงมากระท่อนกระแท่น สรุปความได้ว่ามีการลักเด็กหญิงขึ้นรถกระบะเล็กไปแถวงามวงศ์วานคนขับแท็กซี่ได้ฟังข่าวจาก จ.ส. 100 จึงรีบไปดักตรงไฟเขียวไฟแดงเพื่อคอยดักจับโจร และให้ความช่วยเหลือเด็กคนดังกล่าวจนรู้ว่ารถคันนั้นจะไปในทิศทางไหน แล้วเขาก็ขับแท็กซี่ตามไป พอได้ทีก็เลยขับแท็กซี่ปาดหน้ารถคันนั้นทำให้รถโจรต้องหยุด ท่านผู้มีน้ำใจเสียสละที่เป็นคนขับรถแท็กซี่คนนี้ ลงจากรถพร้อมกับถือเหล็กท่อนหนึ่งมาด้วยเพื่อจะใช้ป้องกันคนร้ายรายนี้ แต่ผู้ร้ายก็พยายามจะหนีเอาตัวรอด บรรดาโชเฟอร์แท็กซี่ต่างพากันช่วยตามจับ จนได้ตัว แล้วติดต่อให้ตำรวจมารับตัวไป
จับความมาได้อย่างนี้แหละ ใครมีรายละเอียด ช่วยเล่าให้ฟังหน่อยเถอะ หาได้ยากมากบรรดาผู้มีน้ำใจประเสริฐ กล้าหาญ ถึงขนาดไปดักจัก เสี่ยงเอาชีวิตตัวเข้าแรกอย่างนี้ และจะมีอีกไหมคนดีๆอย่างนี้ เสียดายทั้งชื่อและนามสกุลของท่านเหล่านี้จำไม่ได้ ผู้อ่านข่าวดูเหมือนจะอ่านแค่ผ่านๆไป ไม่ได้ให้ความสำคัญกับชื่อเสียงของท่านเหล่านี้เลย เห็นเป็นแค่ข่าวเล็กๆน้อยไปเสียนี่ จะรอดูว่าจะมีรายการไหนเอามาพูด มาขยายความให้เห็นเป็นเรื่องสำคัญบ้างไหม เป็นเรื่องเสียสละ เป็นเรื่องกล้าหาญที่ควรจารึกไว้เป็นแบบอย่างกับชนรุ่นหลังอย่างมากเลย ทางการ โดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย กระทรวงวัฒนธรรมควรให้ความสนใจให้มากและพยายามตีแผ่คุณงามความดีอย่างนี้เอาไว้ในทำเนียบผู้มีคุณงามความดีที่ควรจารึกไว้ และประโคมข่าวให้เป็นที่รับรู้กันจนเป็นกระแสไปเลยจะได้ไหม หรือให้ใครคนใดคนหนึ่งตายไปสักข้างจึงจะถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ มาคิดสร้างทำเนียบคุณงามความดีแห่งชาติเอาไว้หน่อยจะดีไหม บุคคลที่ประพฤติเยื่องอย่างนี้ ไม่ใช่จะเอาแต่ชื่อดารา พ่อแม่ดารา นักร้องนักกีฬาเท่านั้น คนที่ทำความดีอย่างอื่นสำคัญๆก็มีอีกเยอะแยะ ปุนบำเน็จคุณงามความดีพวกเขาที่เสียสละตนเองขนาดเอาชีวิตเข้าแรกอย่างนี้ หรือว่ารูความดีกันแค่ดารา ศิลปินแห่งชาติ นักกีฬาแต่นั้น ร้องรำไม่เป็น ไม่มีโอกาสออกทีวีก็เลยไม่มีความดีอย่านั้นหรือ ประเทศไทย!
ท่านผู้กล้าหาญที่เป็นคนขับi5แท็กซี่ที่มีน้ำใจประเสริฐดังกล่าว หากท่านผู้ใดทราบชื่อ นามสกุลกรุณาด้วยเถอะช่วยแจ้งให้รายการสำคัญๆตามวิทยุ โทรทัศน์ได้ทราบกันด้วยเผื่อเขาจะเห็นความสำคัญในวีรกรรมอันนี้ ถ้าจะกรุณาจะแจ้งมาที่ อีเมล์ < wrp.inbkk@gmail.com > ได้ด้วยจักเป็นพระคุณยิ่ง จะได้จารึก และสรรเสริญกันไว้ใน Blog นี้ไม่ให้จางหายไป
ข่าวสร้างสรรค์อย่างนี้พวกเราที่เป็นคนปนมนุษย์ยุคนี้ไม่ค่อยจะใส่ใจกันนัก ฟังแล้วก็แล้วไปไม่มีใครเกิดศรัทธา ไม่มีใครชื่นชมยินดี หรือตระหนักในคุณงามความดีที่มีเหลืออยู่เพียงน้อยนิดในสังคมทุกวันนี้ ทีดาราพลิกตัวไปมา ไม่ว่าดีว่าร้ายสนใจกันแทบจะไม่มีขาดระยะเอาเสียเลย รายการทีวี วิทยุประโคม กระจาย เผยแพร่กันได้กันดี จนกลายเป็นการล้างสมองผู้คนทั่วไป รวมทั้งเด็กยุคใหม่ ที่คอยจ้องอยู่ที่หน้าจอทีวี มีแต่รายการดารา นักกีฬา นักร้อง หมอดู พ่อครัว เกมต่างๆ ตลกหน้าเก่าๆ มุขเก่าๆเช่าวิกแสดงทางจอทีวี เช่าโรงมาตั้งแต่ปีไหนก็จำไม่ได้แล้ว ไม่ทราบว่าปล่อยให้เป็นไปอย่างนี้ได้ยังไงจนป่านนี้ เด็กๆเขาไม่รู้หรอกว่าอันไหนดีอันไหนชั่ว ออกทีวี ออกสื่อมาเขาก็เข้าใจว่าดีเยี่ยม เป็นที่ยอมรับของสังคมแล้ว ถูกต้องแล้ว จนหน้าไหนๆไม่ว่าพ่อ ว่าแม่ต่างจะพากันปั้นลูกของตัวเองเพื่อให้เป็น ดารา เป็นนักร้อง นักรำ หมอดู พ่อครัวกันมากขึ้นๆ อีกไม่นานเมืองไทยคงขาด ผู้คนที่จะเสาะแสวงหาความรู้ หาวิชาการ หาวิชาชีพเพื่อหาเลี้ยงตัวเอง สร้างประเทศชาติให้เจริญ รุ่งเรืองทัดเทียมประเทศอื่นเขา คงจะมีแต่ตั้งหน้าตั้งตาออก เทป ซีดี ดีวีดีกันแค่นั้นเอง แล้วจะเอาอะไรไปสู้กับประเทศอื่นเขา ดูๆว่ามีอยู่พักหนึ่งประเทศชาติกำลังจะรุดหน้าประเทศอื่นเขาไปไกล จนผู้คนทั่วโลกยอมรับ และรู้จักประเทศไทยอย่างมาก แล้วอยู่ดีๆก็มีคนมาชักใบให้เรือเขวหันกลับลำลงคลองเอาดื้อๆ ไม่ผิดอะไรกับประเทศทางอัฟริกาที่ด้อยความเจริญ หรือแม้แต่ประเทศต่างๆที่อยู่ข้างเคียงเรา ดูแล้วเราจะด้อยไปกว่าเขาเอามากที่เดียวด้วยซ้ำ
พอแข่งขันระดับประเทศชนะหน่อยก็ชื่นชมกันใหญ่ จนลืมเนื้อลืมตัวกัน เสร็จแล้วแค่นั้นเอง ลงทุนก็มาก ไปฝึก ไปซ่อมกันในต่างประเทศที่ต้องใช้จ่ายแพงก็ทำกันได้ จริงๆการกีฬาก็เพื่อสร้างสำนึก สร้างนิสัยให้รู้จักออกกำลังให้ร่างกายแข็งแรงไม่เป็นคนขี้โรค หรือจะพูดอย่างที่เคยได้ยินมาตลอดว่า ให้รู้จักแพ้ รู้จักอภัย แต่ที่ไหนได้ ตัวนักกีฬานั่นแหละแพ้กันเมื่อไรจะชวนตีเสียเอง หรือกองเชียร์กีฬาจะชวนราวีเสียเอง แต่ก็ไม่มีใครมองออก ว่ารู้แพ้ รู้อภัยได้จริงหรือไม่ การพนันนั่นแหละคือน้ำเชื้อตัวสำคัญ ต่อมาก็อ้างว่า จะทำให้ประเทศอื่นได้รู้จักเราดีขึ้น จริงๆแล้ว ผู้เขียนบทความนี้ไม่ได้รังเกลียด ไม่ได้ขัดแย้งกับการการกีฬาแต่อย่างใด แต่ไม่อยากให้ทุ่มไปแต่ด้านนี้ด้านเดียว อุตส่าไปแข่งขันโอลิมปิควิชาการกลับมาทั้งที่ได้เหรียญทอง เหรียญเงิน มาระดับมันสมองอย่างนั้น แทนที่จะให้ความชื่นชมให้ดาดดื่นไปทั่วบ้านทั่วเมือง เพื่อเป็นกำลังใจให้พวกเขา ได้มุมานะแสวงหาความรู้มาแบ่งบัน สรรสร้างอะไรที่ดีๆ เจริญทันยุคทันสมัย กลับทำแบบเสียไม่ได้ สักแต่ได้ทำ คนที่จะคิดหาสูตร หรือประดิษฐ์คิดสร้างอะไรให้พวกเราอยู่ดีกินดี มีคุณค่า เจ็บไข้ได้ป่วยจะมีคนคิดหายามารักษาเราได้ สามารถวิเคราะห์ วิจัยอะไร หรือหาคำตอบอะไรที่ยังมืดแปดด้านอยู่ให้สำฤทธิ์ผลออกมา บ้านเมืองจะเจริญขึ้นมาได้ก็เพราะหัวสมอง วิชาการ นักเรียนรู้ ผู้แสวงหาความรู้แปลกๆใหม่ วิทยาการ เทคโนโลยีต่างๆที่เกิดขึ้นมาใหม่ๆที่เราตามเขาไม่ทัน มีองค์กรไหนที่จะให้ความสนใจทุ่มเงินทุ่มกำลังใจให้เด็กรุ่นใหม่ ได้สำนึกว่าอะไรสำคัญเป็นชีวิตจิตใจ ไม่ใช่แค่รู้ว่าแพ้ ชนะแค่นั้นแล้วก็จบไป มันเหมือนดูหนังจบไปเป็นเรื่องๆเท่านั้น แต่ถ้าทุ่มเงิน ทุ่มงบประมาณ ทุ่มกำลังใจ เชียร์กันสุดๆเหมือนกับผู้ชนะกีฬาแต่ละเกม มีรางวัลให้เขา มีคนชื่นชมกันทั่วแผ่นดิน มีคนเชิญไปออกรายการทีวี วิทยุ มีค่ายต่างๆซื้อตัวไปแสดงละคร พูดง่ายๆว่าสร้างความสำคัญให้กับบรรดานักวิชาการ นักแข่งวิชาการโอลิมปิค หรือผู้ที่มุ่งมั่นกับวิชาการ เพื่อส่งเสริม กระตุ้นให้พวกเขาสามารถคิดอะไรออกมาให้เป็นประโยชน์กับสังคม มีการแสดงออกอย่างออกหน้าออกตา มีรางวัลที่เหนือหรือมากว่าผู้ชนะการแข่งขันกีฬา จะดีไม่น้อย ไม่ใช่หรือ (ขอใส่วงเล็บไว้ตรงนี้ว่า การกีฬาก็ยังมีความสำคัญอยู่และควรได้รับการส่งเสริมในรูปแบบที่ถูกต้องตามฐาณานุรูป ตามสภาพเศรษฐกิจของประเทศ อย่าเอากีฬาเป็นเครื่องหาคะแนนเสียง โดยไม่ได้คำนึงถึงความทุกข์ยากของประชาชนตาดำๆเลย และอย่าได้ทุ่มเทมากเกินไปกว่าด้านการศึกษา การวิจัย)
ไม่เคยเห็นเลยว่าจะมีรัฐบาลไหนจะจัดขบวนไปรับเขาตอนชนะกลับมา ไม่มีเลยจะเอาพวกเขาขึ้นรถเปิดประทุน แห่แหนให้พวกเขาภาคภูมิใจ ไม่มีเลยที่พวกเขาจะได้พบคนสำคัญๆอย่างออกหน้าออกตาดังๆ จัดงานเลี้ยงซ้ำแล้วซ้ำอีกเหมือนบรรดานักกีฬาทั่วไปเขาได้รับกัน รางวัลอะไรเขาได้กัน แล้วเราจะเอาหัวสมองที่ไหนไปสู้กับประเทศอื่นเขา ซึ่งเขาเจริญกันแล้ว รวยกันแล้วเขาจึงมาทุ่มเรื่องกีฬา เราสิเห็นช้างขี้จะขี้อย่างช้าง มาทุ่มเรื่องการศึกษา เรื่องการเสาะแสวงหาความรู้กันให้มากกว่านี้หน่อยเถอะ เจริญเท่าเขา รวยเท่าเขา แล้วค่อยทุ่มกีฬาให้หนักเพื่อสู้ ฟัดเหวี่ยง แข่งขันกับประเทศที่เขาพร้อมทุกอย่างแล้ว จะไม่ดีกว่าหรือ
แม้แต่ภาษาอังกฤษ เห็นบอกว่าสำคัญนักสำคัญหนา ใครเป็นรัฐบาลก็จะเอาให้ดี จะมุ่งพัฒนาให้บรรลุผลทุกรัฐบาล แต่จับงานเข้าจริงก็พอๆกัน ไม่มีอะไรแตกต่างออกไปเลย แค่เพียงให้คนรู้ว่าทำเท่านั้นเอง ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย เคยรู้แค่ไหนก็อยู่กันแค่นั้น เคยมีใครศึกษา วิเคราะห์วิจัยกันเป็นเรื่องเป็นราวบ้างไหม จะเป็นนักวิชาการ หรือจะมีแค่บรรดานักการเมืองที่รู้อะไรไม่จริง เดี่ยวก็บอกว่า ไม่ต้องเรียน ไวยากรณ์ เดี๋ยวก็บอกว่าไวยากรณ์ไม่สำคัญ ขนาดรู้ไวยากรณ์ยังเขียน อ่าน พูด แปลไม่ได้เลย อยู่ๆจะให้เทวดามาเนรมิตให้เก่ง ให้เป็นได้ยังไง ตรัสรู้ได้เองหรือไง คนที่พูดเองใช่ว่าจะเป็นภาษากับเขาที่ไหน ได้อยู่ในตำแหน่งจากการเลือกตั้งเข้ามา ควรสังวรตัวเองไว้บ้าง ไม่รู้จริงอย่าได้ออกความคิดเห็นเลย อายแทน
ทราบไหมว่าทุกวันนี้ เด็กบางคนสอบได้ 4 แทบทุกวิชา เกียรตินิยมอันดับหนึ่ง จบออกมาแล้วเขาดี เขาเก่ง เขาทำได้เหมือนกับที่ได้คะแนนจากอาจารย์ให้มาไหม มันเกิดอะไรขึ้น ท๊อปภาษาอังกฤษ แต่เขียน อ่าน แปล พูด ไม่ได้ไม่เป็นเลย แล้วใครต่อใครพากันเปิดสถาบันการศึกษางอกขึ้นมาเป็นดอกเห็ด แต่ความรู้ไม่ได้งอกเงยตามเลย ให้แต่โอกาสได้ที่เรียน และแจกใบประกาศ ใบปริญญากันออกมาแค่นั้นหรือ ไม่ได้มองถึงคุณภาพการมีความรู้จริง ใช้งานกันได้จริงด้วยหรือยังไง พูดง่ายๆว่ามีแต่ร้านค้าวิชาการ แต่หาคนมีความรู้จริงมีน้อยมาก มีการติดตามนักศึกษาเหล่านั้นไหม ที่เขาได้โท ได้เอก ได้เกียรตินิยมไปแล้วทำอะไรได้จริงเหมือนคะแนนที่ได้ในห้องเรียนไหม หรือพวกที่สอบได้อันดับหนึ่งของประเทศ เขาทำอะไรกันอยู่ที่ไหน นำมาสร้างประโยชน์ให้กับประเทศชาติได้แค่ไหน หรือว่าได้ที่หนึ่งของประเทศเพราะไปกวดวิชา ไปจำคำตอบที่เก็งตรงตามข้อสอบแล้วก็สอบแข่งขันได้ที่ดีๆ แต่จริงๆมีความรู้ความสามารถกันแค่ไหน จะวัดกันแค่ว่าจำได้เท่านั้นหรือไง จะเอาคะแนนมาวัดเป็นมาตรฐานได้ไหม ครู อาจารย์ที่ให้คะแนนพวกเขา เพราะว่าพวกเขาตอบถูกใจอาจารย์ แค่นั้นหรือ ไม่ได้นึกถึงความถูกต้อง หรือความคิดความอ่านที่นอกเหนือไปจากที่ตนสอนบ้างหรือ หรือไม่ให้พวกเขาคิดนอกกรอบ สรรหาความแปลกใหม่ หรือไม่นึกว่าเด็กอาจจะอยากตั้งข้อเสนออะไรให้อาจารยืนำไปคิดบ้างหรือ เดี๋ยวนี้เด็กเกรดเอ (A) มันไม่ได้แปลกแตกต่าง หรือดีไปกว่าคนธรรมดาเท่าใดนัก เพราะบังเอิญไปตอบข้อสอบได้ตรงตามที่อาจารย์ต้องการ หรือคาดการณ์เอาไว้เท่านั้น ขอให้มองประเด็นอะไรให้มันออก เกาให้ถูกที่คันหน่อย
พูดมาถึงตรงนี้ ยังไม่ลืมเรื่องคนกล้าคนดีที่ควรบันทึกไว้ เพื่อตัวอย่างที่ดีของคนทั้งประเทศและทั่วทั้งโลกด้วย เสียดายยังหาชื่อไม่ได้ กำลังและจะนำมาปิดไว้ตรงนี้ด้วย เขาคือ ……………………………………………………………….
ขอปรบมือชื่นชมในวีรกรรมของท่านทั้งหลายมา ณ ที่นี่ด้วย และขอให้เจริญ มีความสุข สมหวัง ร่ำรวยทรัพย์สินเงินทอง และให้พระ และพระ คุณพระศรีรัตนตรัยตลอดทั้งสิ่งศักด์สิทธิ์ทั้งหลายจงคุ้มครองพวกท่านให้ยั่งยืนนานต่อๆไปด้วยเทอญ

Jcampa-เจแคมป้า

วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2550

Signing contract ceremony หรือ Contract signing ceremony กันแน่!


 Signing contract ceremony หรือ Contract signing ceremony กันแน่!



 Signing contract ceremony :-อันนี้ถ้าแปลตามตัวจะหมายถึง กำลังเซ็นพิธีฉลองของสัญญา  หรือการเซ็นพิธีสัญญา หรือการเซ็นพิธีของสัญญา ไม่ใช่  พิธีเซ็นต์สัญญา

ที่ถูกน่าจะใช้ว่า    Contract signing ceremony หรือ Contract-signing ceremony :-พิธีเซ็นสัญญา  มากกว่า


ข้อความนี้เอามาจากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง เมื่อเดือน เมษายน 2546 ที่รองประธานกับกรรมการผู้อำนวยการของสองบริษัทร่วมกันลงลายมือชื่อในพิธีเซ็นสัญญาแฟรนส์ไชส์เพื่อขายสินค้า ที่กำลังขายดิบขายดี โดยเฉพาะกับวัยรุ่น ความผิดในลักษณะนี้มีให้เห็นบ่อยครั้งที่คนไทยเราเขียนภาษาอังกฤษเรียงตำแหน่งตามคำพูดภาษาไทย ตามสื่อต่างๆ หรือแม้แต่ตามท้ายรถ ภาษาไทยว่ายังไงก็เปิดพจนานุกรมเขียนเรียงคำตามภาษาไทยเอาดื้อๆ แถมยังบอกเป็นบัณฑิตจบจากสถาบันที่นั่นที่นี่ก็มี

ตรงนี้พึงนึกถึงไวยากรณ์กันหน่อย ไม่ง่ายอย่างที่คิด อ่านแล้วมันคนละความหมาย อย่างในตัวอย่างนี้ จะเป็น พิธีเซ็นสัญญา กันหรือว่า กำลังเซ็นพิธีสัญญา กันแน่ ดูแล้วมันตลกสินดี

คนทั้งสองบริษัทจะไม่มีใครรู้เลยหรือว่าถูก หรือผิดเอาเสียเลยรึ อย่าให้เหมือนกับตำราภาษาอังกฤษมัธยมศึกษาปีที่ 3 ถ้าจำไม่ผิด ที่ทางโรงพิมพ์บอกว่าซื้อลิขสิทธิ์มาจากต่างประเทศ สอนเด็กมากี่ปีไม่ทราบ ผู้เขียนเองก็เคยทักท้วงกับลูก บอกให้ไปบอกครูด้วยว่าผิด แต่ลูกคงไม่กล้าบอก กลัวจะเป็นจุดเด่นเกินไป เรื่องจึงผ่านมาอีกหลายปีจึงมีนักวิชาการออกมาโวยวาย ถึงขนาดโรงพิมพ์นั้นต้องเผาตำราทิ้ง (ข่าว อสมท)

คำถามจึงเกิดขึ้นว่าแล้วบรรดาครูอาจารย์ที่ใช้ตำราเล่มนั้นสอน ไม่มีใครตะขิดตะขวางใจ หรือไม่รู้เลยเรอะว่า อะไรผิดอะไรถูก สอนกันผิดๆถูกๆมาได้ยังไง ประหลาดจัง

ข้อความตรงนี้ผู้เขียนนำไปถามฝรั่ง เขาตอบมาว่าอย่างนี้

I would say Contract signing ceremony. Signing contract ceremony sounds like you are signing the contract ceremony and not celebrates the signing of the contract. / I would go one further and say "Contract-signing Ceremony-พิธีเซ็นต์สัญญา ", but I am not absolutely sure of this. The dash, as I understand it, indicates that the first two words are an adjectival group describing the ceremony. i.e. it is NOT that the contract is signing the ceremony, but rather that the ceremony is one of contract-signing. Correct me if I'm wrong.

Jcampa

วันศุกร์ที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2550

ความสนใจ










                  ความสนใจ








สนใจเกี่ยวกับด้านภาษาอังกฤษ และไทย รวมทั้งจากการเฝ้าติดตามสังเกตการใช้ภาษาทางสื่อต่างๆด้วย อยากจะเชิญชวนผู้สนใจแสดงความเห็นเกี่ยวกับ การใช้ภาษาดังกล่าวอย่างถูกต้อง โดยมาช่วยกันเกา ขัด แก้ไข อะไรที่เห็นว่าไม่ถูกต้อง หรือเพี้ยนไปจากกฎเกณฑ์ที่เขากำหนดไว้รองรับความถูกต้อง เจอตรงไหนผิด หยิบมาขึ้นไว้ใน บล็อกก์นี้ แล้วมาช่วยกันแก้ จะได้ใช้เป็นมาตรฐานเดียวกัน เพื่อภาษาที่แข็งแรงที่สามารถใช้งานได้อย่างสากล สมกับที่ได้ร่ำเรียนกันมาหลายปี และเสียเงินไปมากกับเรื่องภาษาดังกล่าว โดยเฉพาะภาษาอังกฤษ มีตำราเยอะแยะ แต่ก็ซ้ำๆกันในเนื้อหา เคยเรียนมายังไง หนังสือที่ออกมาใหม่ ก็ไม่ได้แตกต่างอะไรไปมากนัก


พูดง่ายๆว่าย่ำกัน จำเจกันอยู่แต่เรื่องเดิมๆ แทบจะไม่มีอะไรใหม่น่าตื่นเต้นให้น่าอ่านได้เข้าใจ ให้น่าศึกษา ใครเขียนออกมา ก็ย่ำอยู่แค่ Articles, Tenses, Any, Some เหล่านี้เป็นต้น แทบจะจำกันได้หมดอยู่แล้ว (แต่ก็ไม่ทราบว่าจะใช้งานได้ยังไง นอกจากจำไว้ตอบ ทำข้อสอบเอาคะแนนจากอาจารย์)และก็ไม่ได้แตกต่างจากเล่มก่อนๆที่มีอยู่เดิมเลย อยากจะเห็นลีลาการเขียนแบบไม่ซ้ำซาก ในเชิงที่ผู้เขียนมีประสบการณ์จริง เคยอ่าน เคยเขียน เคยแปลมาจริงๆ ไม่ใช่จำกฎเกณฑ์มาจากตำราในห้องเรียน แล้วมาทำเป็นเล่มออกมาใหม่อย่างนั้น อ่านเล่มไหนก็คล้ายๆกัน ไม่ได้บ่งบอกว่าคนเขียนมีประสบการณ์ใช้งานได้จริงแค่ไหน


คนอ่านเคยไม่รู้ยังไง ก็อยู่แค่นั้น การเรียนภาษาอังกฤษของคนไทยเรา จึงได้กันอยู่แค่นี้ ตรงนี้ก็อยากจะเชิญชวนให้นำเก็บมาลงไว้ในบล๊อกก์นี้ ถ้าเจอตรงไหนดีๆ ก็อย่าลืมเอาขึ้นไว้ในบลอ๊กก์นี้ จะได้พากันจำไปใช้งานได้ มีข้อคิดเห็นอะไรดีๆ มีประโยชน์ก็เชิญนำมาเล่าสู่กันฟังด้วย สงสัยอะไร คิดไม่ได้ หาคนตอบไม่ได้ เอามาขึ้นไว้ จะได้เป็นแหล่งที่ผู้รู้จะได้มาแวะเยี่ยมเยียน และจะช่วยตอบเป็นวิทยาทานให้กับพวกเราที่สนใจกันในแต่ละ ประเด็น แต่ละเนื้อหา ในหลายๆวงการ ขอขอบคุณล่วงหน้าครับ

Jcampa