วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2550
SNOOKER ลีลาศ หวยบนดิน กลามะสูตร
Snooker หรือ สนุกเกอร์
ในยุคแรกๆนั้นกีฬาประเภทนี้ ไม่ได้ถือเป็นกีฬา แต่ถือว่าเป็นการพนันประเภทหนึ่ง ซึ่งห้ามนักเรียน นักศึกษาเข้าไปในบริเวณที่มีการเล่นเกมดังกล่าวนี้ ครั้นต่อมาภายหลังไม่นานนัก กีฬาประเภทนี้ได้ถูกบรรจุเข้าเป็นกีฬาระดับชาติ หรือระดับโลก มีการเปิดสอนกัน และมีการแข่งขันอย่างเปิดเผย สนับสนุนให้เด็ก นักเรียน นักศึกษาได้ฝึกหัด และแข่งขันอย่างออกหน้าออกตา
ทำนองเดียวกันกับกีฬาอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งเมื่อก่อนเห็นเป็นแค่การเต้นรำ ประเภทหนึ่ง ซึ่งผู้ปกครองห้ามไม่ให้ลูกของตนเข้าไปยุ่งเกี่ยว เพราะกลัวว่าใจจะแตก เพราะมีการจับมือถือแขน โอบและกอดรัดกัน กีฬาที่ว่านี้คือ ลีลาศ แต่มายุคหลังๆ ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ขนาดที่มี อายุเลยหกสิบ ยังเต้นกันอย่างสนุกสนาน ไม่เป็นที่ขยะแขยง หรือเป็นที่น่ารังเกียจของสังคม และเห็นว่าเป็นการออกกำลังกายชนิดหนึ่งไปแล้ว และก็ถูกบรรจุเข้าเป็นกีฬาเพื่อการแข่งขันระดับชาติ อย่างเช่นในกีฬาโอลิมปิค เป็นต้น
ทีนี้มามอง หวยบนดิน หวยใต้ดินที่เมืองไทยกำลังคลำมองหาทิศทางกันอยู่ว่าจะไปทางไหนกันดี โยนหินถามทางก็แล้ว จะเอายังไงแน่ ก็ยังไม่มีคำตอบ คาราคาซังจนป่านนี้ (3 กันยายน 2550) ทั้งที่รัฐบาลยุคทักษิณเขาก็ทำไว้แล้ว แต่รัฐบาลใหม่ยุคหลังทักษิณเห็นว่าไม่ถูกต้องหาว่าไม่ได้นำเงินเข้ารัฐ เป็นแหล่งที่มาของการคอรัปชั่น ถึงสั่งระงับการออกห้วยบนดิน เลข 2 ตัว เลข 3 ตัว เดี๋ยวจะแก้เป็นอย่างนั้น เดี๋ยวจะแก้เป็นอย่างนี้ วกไป วนมาเรียบๆเคียงๆวิธีการเดิมอยู่แค่นั้น ไม่มีอะไรที่จะแปลกใหม่ออกมาให้เห็น
โดยเจตนาแท้จริงของรัฐบาลชุดก่อนนั้น คือ ต้องการขจัดหวยใต้ดิน ที่มีแต่เจ้ามือรวย คนซื้อถูกไม่มากเจ้ามือพร้อมที่จะจ่ายให้ แต่ถ้าถูกจำนวนมากมาย ก้อนใหญ่ เจ้ามือกลับเบี้ยว ไม่ยอมจ่าย ชักดาบไป หาความเชื่อถือไม่ได้ เจ้ามือห้วยไม่ให้ความจริงใจที่คาดหวังได้ หาความมั่นคง ความแน่นอนให้กับผู้ซื้อหวยไม่ได้ จึงไม่มีความแน่นอน ผู้ซื้อมีแต่ถูกเขาหลอกกินร่ำไป รัฐบาลทักษิณจึงทำให้เป็นหวยบนดิน ซึ่งผลปรากฎว่าทำให้เจ้ามือหวยใต้ดินลดลงได้ หรือแทบไม่มีเลย รัฐบาลก็สามารถเก็บเงินที่ขายหวยบนดินไปใช้ประโยชน์ได้หลายอย่าง หลายประการ รวมทั้งให้ทุนการศึกษาให้เด็กไทยในต่างจังหวัดไปเรียนในหลายๆประเทศ จนเกิดมองกันว่ารัฐบาลชุดนั้นเอาเงินไปหาเสียงกัน
ตรงนี้แหละที่รัฐบาลใหม่ สุรยุทธ์พยายามจะสร้างประเด็นให้ประชาชนมองว่า รัฐบาลชุดก่อนกินเงินหวยบนดิน สร้างคะแนนนิยมให้กับพรรค แล้วทำไมจึงมามองปัญหากันตรงนี้ จะเปลี่ยนรูปแบบวิธีการให้เป็นไปอย่างไรก็ได้ ที่รัฐบาลชุดใหม่คิดว่าดีเหมาะสม เพื่อให้หวยบนดินเดินเรื่องไปตามรูปแบบที่กำหนดไว้ อย่าได้คิดว่า ยุบหรือเลิกเอาไปดื้อๆ มันเหมือนกระตุ้นให้หวยใต้ดินผุดขึ้นมาอีก แล้วผลงานตำรวจแทนที่จะไปจับโจร ผู้ร้ายก็จะวกมาวนเวียนอยู่แค่จับโพยหวย จับเจ้ามือหวย จับคนแทงหวยอะไรทำนองนี้ ผลปรากฎอยู่แล้วว่าการมีหวยบนดินทำให้ผู้ซื้อหวยไม่ถูกโกง เจ้ามือหวยใต้ดินลดลงได้จริง การโกง ไม่ยอมจ่ายไม่มี เป็นต้น เสียอีตรงเพิ่มค่าแจ๊คพอตมากเกินไป ยั่วยุให้ผู้คนไฝ่ฝัน มุ่งมั่นที่จะรอแต่แทงหวยมากไป จะทำให้ประชาชนติดงอมอยู่กับการแทงหวยมากไป หรือทำให้เด็กๆเอาอย่าง จึงควรมีการกำหนดกฎเกณฑ์อะไรที่เหมาะสมเอาไว้ คิดว่าน่าจะช่วยได้เยอะทีเดียว
เมืองไทยเรายังหาคำตอบไม่ได้ว่าหวยบนดิน ผิดกฎหมายมั๊ย เหมาะสมไหม จะมอมเมาประชาชนมั๊ย จะบ้าการพนันมั๊ย ตรงนี้เป็นการตัดสินใจของรัฐบาลว่าจะเอายังไงแน่ ยังไงก็ขอให้คนจนๆเขามีช่องทาง มีความหวัง มีที่พึงทางใจของเขาบ้าง นักเศรษฐศาสตร์ยังสอนให้มีความหวัง มีทางเก็งเผื่อฟลุ๊ค เผื่อรวยบ้าง มันผิด มันแตกต่างจากล็อตเตอรี่กันตรงไหน ราคาซื้อล็อตเตอรี่มากกว่าหวยบนดินด้วยซ้ำ คนมีเงินน้อยอยากจะลองเสี่ยงโชคดูบ้างจะผิดด้วยหรือ ในประเทศที่เจริญเขามีอะไรที่มากกว่าของเราด้วยซ้ำ มีขายกันตามร้านขายของชำก็มี แผ่นกระดาษเสี่ยงโชคสำหรับขูดหารางวัล หรือที่เรียกว่า แทงม้ากระดาษ อะไรทำนองนั้น อยากซื้อเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ว่าในออสเตรเลีย ในประเทศที่เจริญ ในประเทศอิสลามเองอย่างเช่นในมาเลเซียก็มีขายกัน ก็ไม่เห็นคนของเขาจะติดงอมอยู่กับการพนันประเภทนี้สักหน่อย ทีของเราห่วงนั่นห่วงนี้ เห็นชัดๆว่ามันแก้อะไรไปในทางดีมากกว่าทางเลวไม่ใช่หรือ บางที่ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ
ผู้เขียนบทความนี้ พูดกันอย่างตรงไปตรงมาแทบไม่ทราบด้วยซ้ำว่าเขาซื้อขาย หวยบนดินกันยังไงด้วยซ้ำ ล็อตเตอรี่ตอนนี้ราคาขาย เขาขายกันเท่าไรก็ไม่ค่อยจะแน่ใจนัก จะซื้อที นานๆสักใบ กลัวหมอดูทักว่า งวดที่แล้วทำไมคุณไม่ซื้อโชคเข้าข้างคุณแล้ว อะไรทำนองนี้มากกว่า จะซื้อทีต้องถามคนขาย ว่าราคาเท่าไร่ เขาออกจะหมั่นไส้ไม่น้อย
ที่หยิบมาเขียนนี้ไม่ได้มีเจตนาจะสนับสนุนการเล่นหวยอะไรทั้งนั้น และออกความคิดเห็นตามที่เห็นและปรากฎให้เห็นว่าเป็นมาอย่างนั้นจริงๆ เท่านั้น จุดประสงค์ที่แท้จริงอยู่ตรงที่ว่า ของบางอย่าง เรื่องบางเรื่องในยุคหนึ่ง สมัยหนึ่ง ต่างคนต่างเห็นดีเห็นงาม แต่พออีกยุคหนึ่งอาจจะมองกันไปในทิศทางตรงกันข้าม อยากให้มองอะไรตามแบบกลามะสูตรดู อย่าได้เชื่อว่าเขาว่าดี อาจารย์บอกว่าดี ผู้รู้บอกว่าดี หรือเพราะว่าคิดตรงตามเราคิด อะไรทำนองนี้
ตัวอย่างเช่น เคยมีการโฆษณาทางโทรทัศน์เกี่ยวกับน้ำมันล่อลื่นชื่อ Total ซึ่งเขาอ่านผลิตภัณฑ์ตัวนี้ว่า โทเทล ซึ่งคำนี้ที่จริงนั้นเป็นคำนามเฉพาะ หรือ ชื่อเฉพาะ (Proper name) มีสิทธิ์ที่จะอ่านยังไงก็ได้ ไม่ผิด และไม่ถูกอะไรทั้งนั้น ขณะที่ Total ที่แปลว่า รวม รวมทั้งหมด จำนวนทั้งหมด เราอ่านกันว่า โทเทิล หรือ โตตัล อะไรทำนองนั้น แม้จะเขียนแบบเดียวกัน แต่อ่านออกเสียงต่างกันคนละโลกก็ไม่เห็นว่าผิด ทั้งนี้มันขึ้นอยู่กับสถานะการณ์ สภาพแวดล้อม วิธีการใช้งาน วัตถุประสงค์ที่นำไปใช้ ไม่ใช่ว่าตอนนี้ ของสิ่งนี้จะต้องเป็นยังงี้ตลอดไป คนบางคนอาจจะเหมาะสมกับงานอย่างนี้ เหมาะที่จะอยู่ในสถานะการณ์อย่างนี้ ถ้าเอาไปอยู่ในสถานะการณ์ที่แตกต่างออกไป เขาอาจจะทำอะไรไม่ได้ ไม่เป็นเลยก็ได้ คนบางคนอาจจบแค่ประถม 4 ในงานบางอย่างเขาอาจทำได้ดี และมีประสิทธิ์ภาพมากที่สุด แต่งานอันเดียวกันนั้นคนบางคนอาจต้อง ฝีกฝน เรียนรู้ถึงระดับปริญญาเอกก็ได้ จะเอาอะไรมากำหนดแน่นอนลงไปไม่ได้ แม้แต่การดื่มกาแฟยุคหนึ่งห้ามเด็ก คนแก่ หญิงตั้งครรภฺ์ดื่ม พอมาพักหลังกลับบอกว่าดีมีประโยชน์ และตรงนี้แหละ ถ้าเราจะรู้จักเอา กลามะสูตรมาคิด พิจารณา จะทำให้เรามีความหนักแน่น มีเหตุมีผลมากขึ้น จะได้ไม่เออออห่อหมก เห็นด้วย หรือตกอยู่ในกระแสที่คนส่วนมากเขาพากันมอง พากันคิด พากันเห็นด้วย หรือกำลังคลั่งไคล้หลงไหลกันอยู่ เราต้องกล้ามองอะไรที่นอกเหนือ หรือที่เรียกว่ามองหรือคิดนอกกรอบ (thinking outside the box / out-of-the-box thinking) ออกไปบ้าง นอกเหนือจากที่คนอื่นเขามองกัน หรือกำลังตกอยู่ในพะวังที่กำลังเป็นกระแสกันอยู่อย่างนั้น
มีอยู่ช่วงหนึ่ง ภาพยนต์ไทยจำไม่ได้ว่าชื่ออะไร เขาโฆษณาด้วยวิธีแปลก แกล้งทำเป็นคนถูกรถชนคนตาย เอาหนังสือพิมพ์ปกปิดซากคนตายเอาไว้ ทั้งที่เป็นหุ่นยาง ทำเป็นแขนขากระเด็นไปคนละทิศ ละทาง ผู้คนเดินทางผ่านไปมาต่างปิดจมูก แสดงอาการเหม็นขยะแขยงถึงขาดอาเจียรกันก็มี คนแล้วคนเล่า ยิ่งมากันหลายคนก็ยิ่งแสดงอาการเหม็นคนลุกคนพองกัน ยืนโก่งคออาเจียรกันอยู่ตรงนั้นก็มี บางคนถึงกับจะเป็นลมก็มี เออนะ! คนปนมนุษย์นะ หลอกยังไงก็ได้ ช่างขาดเหตุขาดผล ขาดความหนักแน่นกันขนาดนี้ได้ ท้ายที่สุดบริษัทหนังดังกล่าวเปิดเผยออกมาว่า เป็นแค่หุ่นยางเท่านั้นเอง ไม่ได้มีกลิ่นเน่าเหม็นเลยแม้แต่น้อย
เช่นกัน จะซื้ออะไรก็อย่าได้เชื่อแต่โฆษณาที่เขาสรรหาแต่อะไรดีๆ แปลกมาหลอกล่อให้เราหลงตาม
พูดง่ายๆว่า ก่อนจะยอมรับอะไรง่ายๆนั้น ควรรู้จักใช้หลักกลามะสูตรมาพินิจ ไตร่ตรองไว้ก่อน ว่าเป็นอย่างนั้น ตามที่เขาเชื่อกัน เข้าใจกันหรือเปล่า
Jcampa-เจแคมป้า
14 May 2007
[สงวนลิขสิทธิ์ห้ามลอกแบบ เลียนแบบหรือนำไปดัดแปลงใช้ในสื่อรูปแบบใดๆ ยกเว้นจะได้รับอนุญาตเป็นลายลักอักษร]